คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3381/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ส. และ ว. ซึ่งเป็นสามีภริยากันถือหุ้นรวมกันเกินกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนทุนทั้งหมดของบริษัทโจทก์บริษัทโจทก์จึงต้องเสียภาษีเงินได้อย่างบุคคลธรรมดาตามประมวลรัษฎากร มาตรา 75
บริษัทโจทก์สร้างอาคารราคา 465,981.34 บาท แล้วยกกรรมสิทธิ์ให้เจ้าของที่ดิน โดยโจทก์ได้สิทธิการเช่าอาคารและที่ดินเป็นเวลา 11 ปี อัตราค่าเช่าเดือนละ 150 บาท เป็นสัญญาต่างตอบแทนอันทำให้บริษัทโจทก์ได้รับประโยชน์จากการได้สิทธิการเช่าอาคารและที่ดินนั้น ค่าก่อสร้างอาคารจึงเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุนต้องห้ามมิให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ตรี (5) โจทก์มีสิทธิเพียงหักค่าเสื่อมราคาในอัตราร้อยละ 100 หารด้วยปีอายุการเช่าตามมาตรา 5 (4)วรรคสอง แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ 22) พ.ศ.2509

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ โดยเจ้าพนักงานประเมินมีคำสั่งการประเมินให้บริษัทโจทก์เสียภาษีเงินได้ใน พ.ศ. ๒๕๐๔ ถึง พ.ศ. ๒๕๐๖ ในลักษณะบุคคลธรรมดาโดยถือว่าบริษัทโจทก์มีจอมพลสฤษดิ์และท่านผู้หญิงวิจิตราธนะรัชต์ ถือหุ้นอยู่รวม ๕๐๕ หุ้นในจำนวนหุ้นทั้งหมด ๑,๐๐๐ หุ้นซึ่งเกินร้อยละ ๕๐ ของทุนทั้งหมดของบริษัทโจทก์ และสำหรับ พ.ศ. ๒๕๐๔ และ ๒๕๐๕ เจ้าพนักงานประเมินไม่ยอมตัดบัญชีทรัพย์สินของบริษัทโจทก์ออกเป็นค่าก่อสร้างตึก ๓ ชั้น ให้โจทก์นำเงินภาษีและเงินเพิ่มรวม๓,๓๐๘,๕๑๘.๘๐ บาท ไปชำระแก่จำเลยที่ ๑ โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ ซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ดังกล่าวพิจารณาลดภาษีให้จำเลยเพียงเล็กน้อยโดยให้โจทก์นำเงินภาษีจำนวน ๓,๒๕๕,๒๖๘.๑๗ บาท ไปชำระให้จำเลยที่ ๑ คำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ถูกต้องเพราะจอมพลสฤษดิ์และท่านผู้หญิงวิจิตรามีหุ้นไม่ถึงร้อยละ ๕๐ ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทโจทก์โจทก์เสียภาษีเงินได้แบบนิติบุคคลจึงถูกต้องแล้ว และจำเลยสร้างอาคารตึก ๓ ชั้นให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อาคารจึงไม่ใช่ทรัพย์สินของบริษัทโจทก์ จึงควรต้องตัดยอดเงินค่าก่อสร้างอาคารออกจากทรัพย์สินของบริษัทโจทก์ ขอให้ศาลเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวของจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ และพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีดังที่จำเลยที่ ๑ ประเมิน
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์และท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ถือหุ้นบริษัทวิจิตรก่อสร้างจำกัดโจทก์รวมกันเกินกว่าร้อยละ ๕๐ ของจำนวนทุนทั้งหมด ดังนั้นบริษัทโจทก์จึงต้องเสียภาษีเงินได้อย่างบุคคลธรรมดาตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๗๕
ปัญหาว่าค่าก่อสร้างอาคาร ๓ ชั้นราคา ๔๖๕,๙๘๑.๓๔ บาท เป็นรายจ่ายซึ่งโจทก์มีสิทธิหักออกจากรายรับได้ตามกฎหมายหรือไม่ ข้อนี้เห็นว่าการที่โจทก์ตกลงสร้างอาคารดังกล่าวแล้วยกกรรมสิทธิ์ให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เจ้าของที่ดิน โดยโจทก์ได้สิทธิการเช่าอาคารและที่ดินเป็นเวลา ๑๑ ปี อัตราค่าเช่าเดือนละ ๑๕๐ บาท นั้น เป็นสัญญาต่างตอบแทนอันทำให้บริษัทโจทก์ได้รับประโยชน์จากการได้สิทธิการเช่าอาคารและที่ดินนั้นค่าก่อสร้างอาคารดังกล่าวจึงเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุนต้องห้ามมิให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๖๕ ตรี(๕)โจทก์มีสิทธิเพียงหักค่าเสื่อมราคาในอัตราร้อยละ ๑๐๐ หารด้วยปีอายุการเช่าตามมาตรา ๕(๔) วรรคสองแห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน(ฉบับที่ ๒๒) พ.ศ. ๒๕๐๙ ที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์หักค่าเสื่อมราคาสิทธิการเช่าให้โจทก์ตามหลักเกณฑ์แห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวจึงเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว
พิพากษายืน

Share