แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งห้าว่าจ้างโจทก์ทำอุปกรณ์บรรจุเทปเพลง ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 ให้ร่วมกันรับผิดตามสัญญาจ้างทำของ ประเด็นข้อพิพาทมีว่าจำเลยที่ 1 ได้ว่าจ้างโจทก์ทำสินค้าตามฟ้องหรือไม่ โจทก์ได้นำสืบถึงความเป็นมาแห่งคดีและได้แสดงเอกสารและวัตถุพยานเกี่ยวกับการว่าจ้างรายนี้ ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นหุ้นส่วนกับจำเลยที่ 2 เนื่องจากจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ตกลงเข้ากันเพื่อกระทำกิจการร่วมกันด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้แก่กิจการที่ทำนั้น เป็นการเข้าหุ้นส่วนกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 1012 ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกคำฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน 1,226,420.50 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 1,170,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ดำเนินการจัดทำเทปเพลงตามฟ้องโดยขออนุญาตจากจำเลยที่ 1 เท่านั้น จำเลยที่ 4 และที่ 5 ไม่ได้เป็นพนักงานของจำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ดำเนินการจัดทำเทปเพลงตามฟ้อง โดยขออนุญาตจำเลยที่ 1 นำบทเพลงของจำเลยที่ 1 ทำเทปเพลงดังกล่าว จำเลยที่ 2 เพียงผู้เดียวที่ว่าจ้างโจทก์โดยตกลงราคาในส่วนกระเป๋าหนังไว้ใบละ 28 บาท เมื่อโจทก์จัดส่งมา 10,000 ใบแล้ว จำเลยที่ 2 ก็ได้แจ้งยุติการส่งสินค้าและให้จัดสิ่งพิมพ์รวมทั้งของอื่น ๆ ให้สัมพันธ์กัน ทั้งนี้ จำเลยที่ 2 ได้ชำระเงินครบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 3 ไม่เคยเกี่ยวข้องกับการจัดทำเทปของจำเลยที่ 2 และไม่รู้ว่ามีชื่อร่วมเป็นผู้จัดทำเทปดังกล่าว จำเลยที่ 3 ไม่เคยว่าจ้างโจทก์และไม่เคยได้รับการทวงถาม ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 4 และที่ 5 ให้การทำนองเดียวกันว่า จำเลยที่ 4 และที่ 5 เป็นเพียงพนักงานของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ทำหน้าที่จำหน่ายและติดต่อลูกค้าโดยได้รับส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ จำเลยที่ 4 และที่ 5 เป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน 1,170,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2537 จนกว่าจะชำระเสร็จ ทั้งนี้ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 56,420.50 บาท กับให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 10,000 บาท ยกฟ้องจำเลยที่ 4 และที่ 5 ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนของจำเลยที่ 4 และที่ 5 ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลสำหรับจำเลยที่ 3 ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์สำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ได้ว่าจ้างโจทก์ทำกระเป๋าหนัง สิ่งพิมพ์ และกล่องพลาสติก เพื่อเป็นอุปกรณ์บรรจุเทปเพลงของจำเลยที่ 1 ตามฟ้อง โจทก์ส่งของดังกล่าวให้ครบถ้วนแล้วเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2537 จำเลยที่ 2 ชำระเงินให้โจทก์เพียง 375,000 บาท ยังค้างชำระอยู่อีก 1,170,000 บาท คดีมีปัญหาตามที่จำเลยที่ 1 ฎีกาอ้างว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาทตามฟ้อง การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 เป็นหุ้นส่วนกับจำเลยที่ 2 เป็นการไม่ชอบเพราะประเด็นข้อพิพาทมีว่าจำเลยที่ 1 ได้ว่าจ้างโจทก์ทำสินค้าตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งห้าว่าจ้างโจทก์ทำกระเป๋าหนัง สิ่งพิมพ์ กล่องพลาสติกเพื่อเป็นอุปกรณ์บรรจุเทปเพลงซึ่งจำเลยที่ 1 ได้เคยขับร้องและเป็นลิขสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 และโจทก์ได้สืบถึงความเป็นมาแห่งคดีและได้แสดงเอกสารและวัตถุพยานเกี่ยวกับการว่าจ้างรายนี้ ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ตกลงเข้ากันเพื่อกระทำกิจการร่วมกันด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้แก่กิจการที่ทำนั้น เป็นการเข้าหุ้นส่วนกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 1012 จึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกคำฟ้อง
พิพากษายืน โจทก์ไม่แก้ฎีกา จึงไม่กำหนดค่าทนายความให้.