คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยจะฟ้องแย้งมาในคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม หรือจะฟ้องแย้งมาในคำร้องขอแก้คำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179(3) ก็ได้
จำเลยฟ้องแย้งมาในคำร้องขอแก้ไขคำให้การระบุข้อต่อสู้ขึ้นใหม่โดยให้รายละเอียดว่า โจทก์ทำผิดสัญญาอะไรบ้างทำให้จำเลยได้รับความเสียหายอย่างไร คิดเป็นจำนวน ค่าเสียหายเท่าใด เป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้ออ้างเพื่อหักล้างข้อหาของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179(3) จึงเป็นฟ้องแย้งในคำคู่ความที่ยื่นต่อศาลเพื่อตั้งประเด็นไว้แล้วชอบที่จะรับคำร้องขอแก้ไขคำให้การของจำเลยเป็นฟ้องแย้งไว้ได้ (วินิจฉัยโดยการประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2524)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ทำไม้และแผ้วถางป่าโดยโจทก์ต้องทำให้เสร็จภายใน 3 ปี นับแต่วันที่ 9 กันยายน 2514 ในการนี้จำเลยมีหน้าที่ต้องยื่นคำขออนุญาตแผ้วถางป่าและทำไม้จากพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนถ้ายังไม่ขออนุญาตหรือไม่ได้รับใบอนุญาต จำเลยต้องยืดอายุสัญญาให้โจทก์ จำเลยเพิ่งดำเนินการขออนุญาตและได้รับอนุญาตเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2519 โจทก์ชำระเงินค่าภาคหลวงและค่าธรรมเนียมล่วงหน้าไปแล้ว และโจทก์ทำไม่ได้บางส่วน ไม้ดังกล่าวต้องตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามสัญญาจำเลยมีหน้าที่โอนให้โจทก์ การแผ้วถางป่าจำเลยเพิ่งได้รับอนุญาตและมอบให้โจทก์เมื่อพ้นกำหนด 3 ปีแล้ว จำเลยต้องยืดเวลาให้โจทก์ จำเลยมีหนังสือเร่งรัดให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาแล้วมีหนังสือเลิกสัญญากับโจทก์ โจทก์ไม่เคยผิดสัญญา เหตุล่าช้าเป็นความผิดของจำเลย และทางการประกาศปิดป่าชั่วคราว เป็นเหตุให้โจทก์เข้าทำกิจการไม่ได้ ขอให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ไม้หรือใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา ไม่ทำไม้และแผ้วถางป่าให้แล้วเสร็จในกำหนด 3 ปี จำเลยจึงบอกเลิกสัญญากับโจทก์ จำเลยไม่เคยต่อสัญญาให้โจทก์ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยจึงสิ้นสุด โจทก์ปฏิบัติผิดเงื่อนไขตามสัญญา ไม่ปฏิบัติตามสัญญา และทำงานล่าช้าเสียหายแก่ราชการ การประกาศปิดป่าเป็นระยะเวลาภายหลังที่สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยสิ้นสุดแล้วจึงไม่มีผลต่อสัญญา ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม

ก่อนวันนัดชี้สองสถาน จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การด้วยการฟ้องแย้ง ศาลชั้นต้นสั่งว่าเป็นการยื่นคำฟ้องแย้งภายหลังคำให้การ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสามซึ่งให้ฟ้องแย้งมาในคำให้การ ไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย

จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมิได้ฟ้องแย้งมาในคำให้การทั้งคำคู่ความที่จำเลยยื่นพร้อมกับคำร้องก็มิใช่เป็นการแก้ไขคำให้การเพราะจำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ขึ้นใหม่เป็นการแก้ข้อหาเดิมหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้ออ้างหรือข้อเถียงเพื่อหักล้างข้อหาของโจทก์แต่อย่างใด จึงเป็นการฟ้องแย้งเข้ามาลอย ๆ พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยฟ้องแย้งมาในคำร้องขอแก้ไขคำให้การมีข้อความว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญากับจำเลยโดยโจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาทำไม้และแผ้วถางป่าให้แล้วเสร็จตามสัญญาการกระทำผิดสัญญาของโจทก์เป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก จำเลยจึงมีความจำเป็นต้องฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันยื่นคำให้การฟ้องแย้งเป็นต้นไป

คดีมีปัญหาว่า คำฟ้องแย้งในคำร้องขอแก้ไขคำให้การของจำเลยดังกล่าวเป็นฟ้องแย้งในคำคู่ความที่ยื่นต่อศาลเพื่อตั้งประเด็นในอันที่จะรับเป็นฟ้องแย้งได้หรือไม่ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า ฟ้องแย้งในคำร้องขอแก้ไขคำให้การของจำเลยได้ระบุข้อต่อสู้ขึ้นใหม่โดยให้รายละเอียดว่าโจทก์ทำผิดสัญญาทำไม้และแผ้วถางป่าเท่าใดคงเหลืออยู่เท่าใด ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายอย่างไร คิดเป็นจำนวนเงินค่าเสียหายเท่าใด เป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้ออ้างเพื่อหักล้างข้อหาของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง ต้องตามบทบัญญัติมาตรา 179(3) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จึงเป็นฟ้องแย้งในคำคู่ความที่ยื่นต่อศาลเพื่อตั้งประเด็นไว้แล้ว ชอบที่จะรับคำร้องขอแก้ไขคำให้การของจำเลยเป็นฟ้องแย้งไว้ได้

พิพากษากลับ เป็นให้รับฟ้องแย้งของจำเลยและให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป

Share