แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยว่ากระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ฐานมีลูกระเบิดฐานพกพาอาวุธปืน และฐานยิงปืนในหมู่บ้าน แต่ละกระทงนั้นเป็นความผิดอยู่ในตัว ซึ่งโจทก์สามารถแยกฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเป็นคดีละกระทงได้ เมื่อโทษจำคุกที่ศาลลงแก่จำเลยแต่ละกระทงไม่เกินกระทงละ 2 ปี จึงเท่ากับว่าศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเป็นคดีๆ ไปตามกระทงความผิดที่โจทก์รวมฟ้องมาไม่เกินคดีละ 2 ปี ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1594/2523)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจมีอาวุธปืน เอช เค 33 จำนวน 1 กระบอกซองกระสุน 2 อัน กระสุนปืนขนาด 5.56 มม. 48 นัด ปลอกกระสุนปืนขนาด5.56 มม. จำนวน 15 ปลอก ลูกระเบิดมือแบบน้อยหน่า จำนวน 2 ลูกอันเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของทางราชการซึ่งนายทะเบียนมิอาจจะออกใบอนุญาตให้ผู้อื่นมีและใช้ได้ตามกฎหมายไว้ในความครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมายและจำเลยไม่มีสิทธิที่จะมีไว้ในครอบครอง แล้วจำเลยบังอาจพาอาวุธปืนพร้อมด้วยซองกระสุนปืนและกระสุนปืนดังกล่าวติดตัวไปในหมู่บ้าน โดยจำเลยไม่มีสิทธิที่จะนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวติดตัวไปในหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุสมควร และจำเลยบังอาจใช้อาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนดังกล่าวยิงในหมู่บ้านโดยใช่เหตุ จำนวน 15 นัด ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 38, 55, 72, 72 ทวิ, 78คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 พ.ศ. 2519 ข้อ 3,6, 7พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522 มาตรา 5, 6, 8 กฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 ฉบับที่ 11(พ.ศ. 2522 ) ข้อ 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 371, 376 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2524 ข้อ 2
จำเลยรับสารภาพและขอให้รอการลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง เรียงกระทงลงโทษฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน จำคุก 2 ปี ฐานมีลูกระเบิดจำคุก 2 ปีฐานพกพาอาวุธปืนและลูกระเบิดให้ลงโทษบทหนักฐานพกพาอาวุธปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ จำคุก 8 เดือน ลงโทษฐานยิงปืนในหมู่บ้านปรับ 100 บาท รวมเป็นโทษจำคุก 4 ปี 8 เดือน ปรับ 100 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 4 เดือน ปรับ 50 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ไม่อาจรอการลงโทษเพราะโทษขั้นต่ำที่จำเลยกระทำผิดจำคุกเกินกว่า 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รอการลงโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 มีกำหนด 3 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยว่ากระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ฐานมีลูกระเบิดฐานพกพาอาวุธปืน และฐานยิงปืนในหมู่บ้าน แต่ละกระทงนั้นเป็นความผิดอยู่ในตัวซึ่งโจทก์สามารถแยกฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยคดีละกระทงได้ เมื่อโทษจำคุกที่ศาลลงแก่จำเลยแต่ละกระทงไม่เกินกระทงละ 2 ปี จึงเท่ากับว่าศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเป็นคดี ๆ ไปตามกระทงความผิดที่โจทก์รวมฟ้องมาไม่เกินคดีละ 2 ปี ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ดังนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1594/2523 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดตากโจทก์นายชม สุยะ จำเลย
พิพากษายืน