แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามสัญญาที่จำเลยยินยอมจะให้โจทก์ใช้ถนนที่จำเลยสร้างขึ้นในที่ดินของจำเลย แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยเปิดทางจำเป็นในที่ดินของจำเลย จึงเป็นคนละประเด็นกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ แบ่งแยกที่ดินขายเป็นแปลง ๆ โจทก์ซื้อจากจำเลยที่ ๑ จำนวน ๑ แปลง ปรากฏว่าไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะจำเลยที่ ๑ จึงทำสัญญายินยอมให้โจทก์ใช้ถนนซึ่งจำเลยที่ ๑ จะทำขึ้นในที่ดินของจำเลยที่ ๑ โจทก์มีความจำเป็นจะต้องเดินผ่านถนนดังกล่าวแต่จำเลยที่ ๑ ไม่จัดการให้และโอนให้กับจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๗ จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๗ เป็นผู้รับโอนกรรมสิทธิ์จากจำเลยที่ ๑ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๗ เปิดทางดังกล่าวให้โจทก์เดินเข้าออก แต่จำเลยไม่ยอมจัดการให้จึงขอให้บังคับจำเลยร่วมกันเปิดทางและยอมให้โจทก์ใช้ทางดังกล่าวผ่านเข้าออกสู่ถนนสาธารณะ และขอให้พิพากษาว่าทางพิพาทดังกล่าวเป็นทางจำเป็น
จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๗ ให้การว่า ที่ดินของโจทก์มีทางเดินออกสู่ทางสาธารณะอยู่แล้ว จำเลยที่ ๑ ไม่เคยสัญญาว่าจะทำถนนตามฟ้อง โจทก์เคยฟ้องจำเลยที่ ๑ ขอให้เปิดทางจำเป็นมาครั้งหนึ่งแล้ว จึงเป็นฟ้องซ้ำ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ดินของโจทก์ถูกที่ดินแปลงอื่นปิดล้อมอยู่จริงโจทก์มีสิทธิเดินออกสู่ทางสาธารณะโดยผ่านที่ดินของจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๗ ส่วนจำเลยที่ ๑ ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๑ พิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๗ ร่วมกันยอมให้โจทก์เดินผ่านบนที่ดินของจำเลยตามฟ้องออกสู่ทางสาธารณะได้เนื่องจากเป็นทางจำเป็น ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าที่ดินของโจทก์ถูกที่ดินแปลงอื่นปิดล้อมทางพิพาทเป็นทางจำเป็น และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ฎีกาต่อไปว่าฟ้องคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๙๕๕๑/๒๕๑๘ ระหว่าง นางจิตร พัฒนกุล โจทก์ นางฉวีวรรณ พันธณรงค์ จำเลยนั้น เห็นว่าคดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ ปฏิบัติตามสัญญาเอกสารหมาย จ.๒ ที่จำเลยที่ ๑ ยินยอมจะให้โจทก์ใช้ถนนที่จำเลยที่ ๑ สร้างขึ้นในที่ดินของจำเลยที่ ๑ แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยที่ ๑ กับพวกเปิดทางจำเป็นในที่ดินของจำเลยจึงเป็นคนละประเด็นกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
พิพากษายืน