คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาวางเงินนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ไม่ได้บัญญัติว่า ก่อนที่ศาลจะสั่งคำร้องต้องไต่สวนคำร้องดังกล่าวเสียก่อน ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจใช้ดุลพินิจว่าจะทำการไต่สวนคำร้องดังกล่าวหรือไม่ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21(4) การที่ศาลชั้นต้นไม่ไต่สวนคำร้องขอขยายเวลาวางเงินของโจทก์จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ส่วนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องฉบับลงวันที่20 ตุลาคม 2540 ของโจทก์ในรายงานกระบวนพิจารณาวันเดียวกันก็เพราะศาลชั้นต้นเห็นว่าข้ออ้างตามคำร้องของโจทก์ถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษ อันเป็นเงื่อนไขที่ศาลจะสั่งอนุญาตให้ขยายเวลาวางเงินให้แก่โจทก์นั่นเอง และเมื่อศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องก็ต้องถือว่าโจทก์ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ให้วางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย ชอบที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 253 วรรคสาม โดยไม่จำต้องวินิจฉัยอีกว่าโจทก์มีเจตนาจะหลีกเลี่ยงไม่วางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายตามคำสั่งศาลหรือไม่ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องและคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 บัญญัติว่า การขยายระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายนี้ให้พึงทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษทนายโจทก์อ้างในคำร้องขอขยายเวลาวางเงินฉบับลงวันที่ 20 ตุลาคม 2540 ว่าตัวโจทก์อยู่ต่างประเทศทนายโจทก์ได้พยายามติดต่อตัวโจทก์ให้นำหลักประกันมาวางตามคำสั่งศาลหลายครั้งครั้งสุดท้ายที่ติดต่อกันตัวโจทก์แจ้งว่ายังไม่สามารถหาเงินมาวางศาลได้ ขอเวลารวบรวมและหาเงินประมาณ 2 เดือน โจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป หากแต่เกิดปัญหาด้านเศรษฐกิจทำให้ไม่อาจจัดหาเงินได้ ข้ออ้างดังกล่าวถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 และที่ 2 คืนหุ้นของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ จำกัด(มหาชน) จำนวน 700,000 หุ้น หรือให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงิน 19,487,708 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 16,100,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การปฏิเสธความรับผิด จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ

ก่อนวันนัดชี้สองสถาน จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้โจทก์วางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นเป็นเงิน 2,000,000 บาท ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 253 อ้างว่าโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ต่างประเทศ

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์วางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 253 เป็นเงิน 50,000 บาท

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์วางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 300,000 บาท

โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาพิพากษายืน

ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2540 ในวันที่ 6 สิงหาคม 2540 ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานจำเลยตามที่ศาลกำหนดให้นำพยานเข้าสืบก่อน จำเลยที่ 1 ยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดเวลาให้โจทก์นำเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายตามคำพิพากษาศาลฎีกามาวางศาลก่อนดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ทนายโจทก์แถลงว่าเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศและขณะนี้ไม่สามารถติดต่อกับโจทก์ได้ ขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายออกไปจนถึงวันที่ 18 กันยายน 2540 ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานจำเลยนัดต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต วันที่ 17 กันยายน 2540 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาวางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายออกไป 1 เดือน ถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2540 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้วางเงินภายในกำหนดดังกล่าว ครั้นถึงวันนัดสืบพยานจำเลย โจทก์ยื่นคำร้องลงวันที่ 20 ตุลาคม 2540 ขอขยายเวลาวางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายออกไปอีก 2 เดือน จำเลยที่ 1 และที่ 3 คัดค้าน และขอให้ศาลสั่งจำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า โจทก์ขอเลื่อนการวางเงินหลายครั้งแล้ว ครั้งสุดท้ายให้โอกาสโจทก์โดยกำชับให้นำเงินมาวางศาลภายในกำหนด มิฉะนั้นจะสั่งคดีโดยเคร่งครัด ประกอบกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 คัดค้าน กรณีไม่มีเหตุสมควรจะอนุญาตตามคำร้อง ให้ยกคำร้องของโจทก์ และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 253 วรรคสาม

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลชั้นต้นไม่ได้ไต่สวนข้อเท็จจริงตามคำร้องขอขยายเวลาวางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายฉบับลงวันที่ 20 ตุลาคม 2540 ของโจทก์ ศาลชั้นต้นไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดว่า คำร้องฉบับดังกล่าวของโจทก์มีพฤติการณ์พิเศษอันจะพึงขยายเวลาวางเงินหรือไม่ และไม่ได้วินิจฉัยว่าโจทก์มีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล อันเป็นเงื่อนไขที่ศาลจะต้องพิจารณาก่อนมีคำสั่งจำหน่ายคดี เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ซึ่งโจทก์ได้ยกขึ้นอุทธรณ์ด้วย แต่ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัยให้ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก่อน โดยเห็นว่าการที่โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาวางเงินนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 ไม่ได้บัญญัติไว้ว่า ก่อนที่ศาลจะสั่งคำร้องจะต้องไต่สวนคำร้องดังกล่าวเสียก่อน ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจใช้ดุลพินิจว่าจะทำการไต่สวนคำร้องดังกล่าวหรือไม่ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21(4) การที่ศาลชั้นต้นไม่ไต่สวนคำร้องขอขยายเวลาวางเงินของโจทก์จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ส่วนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องฉบับลงวันที่ 20ตุลาคม 2540 ของโจทก์ในรายงานกระบวนพิจารณาวันเดียวกันความว่า โจทก์ขอเลื่อนการวางเงินหลายครั้งแล้ว ครั้งสุดท้ายให้โอกาสโจทก์โดยกำชับให้นำเงินมาวางศาลภายในกำหนด มิฉะนั้นจะสั่งคดีโดยเคร่งครัด ประกอบกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 คัดค้าน กรณีไม่มีเหตุสมควรจะอนุญาตตามคำร้อง ให้ยกคำร้องก็เป็นที่เห็นได้ว่า ศาลชั้นต้นเห็นว่าข้ออ้างตามคำร้องของโจทก์ยังถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษ อันเป็นเงื่อนไขที่ศาลจะสั่งอนุญาตให้ขยายเวลาวางเงินให้แก่โจทก์นั่นเอง และเมื่อศาลมีคำสั่งอันถึงที่สุดให้โจทก์วางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 253 โดยศาลชั้นต้นอนุญาตตามคำขอของโจทก์ที่ขอขยายเวลาวางเงินมาจนถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2540 เมื่อโจทก์ขอขยายเวลาวางเงินในวันดังกล่าวออกไปอีก แต่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องก็ต้องถือว่าโจทก์ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ให้วางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย ชอบที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 253 วรรคสาม โดยไม่มีเหตุที่ศาลชั้นต้นจะต้องวินิจฉัยอีกว่าโจทก์มีเจตนาจะหลีกเลี่ยงไม่วางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายตามคำสั่งศาลหรือไม่ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอขยายเวลาวางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายฉบับลงวันที่ 20 ตุลาคม 2540 และคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการต่อไปมีว่า กรณีมีเหตุที่จะอนุญาตให้ขยายเวลาวางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายตามคำร้องฉบับลงวันที่ 20 ตุลาคม 2540 ออกไปอีกครั้งหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 บัญญัติว่า การขยายระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายนี้ให้พึงทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ ทนายโจทก์อ้างในคำร้องขอขยายเวลาวางเงินฉบับดังกล่าวว่า ตัวโจทก์อยู่ต่างประเทศทนายโจทก์ได้พยายามติดต่อตัวโจทก์ให้นำหลักประกันมาวางตามคำสั่งศาลหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายที่ติดต่อกันตัวโจทก์แจ้งว่ายังไม่สามารถหาเงินมาวางศาลได้ ขอรวบรวมและหาเงินประมาณ 2 เดือน โจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป หากแต่เกิดปัญหาด้านเศรษฐกิจทำให้ไม่อาจจัดหาเงินได้ ข้อเท็จจริงดังที่อ้างมานี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษตามบทกฎหมายดังกล่าว อนึ่ง ข้อเท็จจริงยังได้ความอีกว่า เมื่อมีคำสั่งอันถึงที่สุดในวันที่ 5 สิงหาคม 2540 ให้โจทก์วางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายจำนวน 300,000 บาท แล้ว โจทก์ได้แถลงขอขยายเวลาวางเงินออกไปถึงวันที่ 18 กันยายน 2540 เมื่อถึงกำหนดดังกล่าวก็ยื่นคำร้องขอขยายเวลาวางเงินออกไปถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2540 ศาลชั้นต้นให้เวลามากพอที่โจทก์จะหาเงินมาวางประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้ขยายเวลาวางเงินดังกล่าวออกไปอีกจึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”

พิพากษายืน

Share