แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยและผู้เสียหายมีสาเหตุขุ่นข้องหมองใจกันจนต่างฝ่ายต่างหวาดระแวงว่าอีกฝ่ายจะมาทำร้ายตน ตามพฤติการณ์แห่งคดีที่ผู้เสียหายเรียกชื่อจำเลยและชักอาวุธปืนออกมาจากเอว วิญญูชนเช่นจำเลยย่อมเข้าใจได้ว่าผู้เสียหายจะใช้อาวุธปืนนั้นยิงจำเลย ถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงตาม ป.อ. มาตรา 68 แล้ว การที่จำเลยหยิบอาวุธมีดพร้าที่วางอยู่พื้นถนนซึ่งเป็นของบุคคลอื่นฟันทำร้ายผู้เสียหายไปเพียงครั้งเดียวแล้ววิ่งหลบหนีไป จึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุ เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงไม่มีความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 33 ริบมีดปลายแหลมของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คืนของกลางแก่เจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 ลงโทษจำคุก 10 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน ริบมีดปลายแหลมของกลาง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นที่คู่ความไม่โต้แย้งกันฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยใช้อาวุธมีดพร้าของกลางฟันทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส นิ้วก้อยมือข้างซ้ายขาด และบริเวณข้อมือขวามีบาดแผลฉีกขาดรายละเอียดปรากฏตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลหรือศพของแพทย์ ผู้เสียหายใช้อาวุธปืนสั้นยิงจำเลย ทำให้จำเลยมีบาดแผลกระสุนเข้าและออกที่ขาขวา กับบาดแผลที่อกด้านซ้ายมีกระสุนฝังในผนังทรวงอก รายละเอียดปรากฏตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลหรือศพของแพทย์ ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามที่จำเลยนำสืบว่า วันเกิดเหตุผู้เสียหายเรียกชื่อจำเลยและชักอาวุธปืนออกจากเอวจำเลยจึงคว้าอาวุธมีดพร้าของกลางซึ่งเป็นของชาวบ้านที่วางอยู่ที่พื้นถนนฟันไปที่ผู้เสียหาย 1 ครั้ง แล้วหลบหนีไป เมื่อจำเลยและผู้เสียหายมีสาเหตุขุ่นข้องหมองใจกันจนแต่ละฝ่ายต่างหวาดระแวงว่าอีกฝ่ายจะมาทำร้ายตน ตามพฤติการณ์แห่งคดีที่ผู้เสียหายเรียกชื่อจำเลยพร้อมชักอาวุธปืนออกมานั้น วิญญูชนเช่นจำเลยย่อมเข้าใจได้ว่าผู้เสียหายจะใช้อาวุธปืนนั้นยิงจำเลยนั่นเอง ถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 แล้ว ดังนั้น การที่จำเลยหยิบอาวุธมีดพร้าของกลางที่วางอยู่ที่พื้นถนน ซึ่งเป็นของบุคคลอื่นฟันทำร้ายผู้เสียหายไปเพียงครั้งเดียวแล้ววิ่งหลบหนีไป จึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงไม่มีความผิด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
อนึ่ง มีดปลายแหลมของกลางไม่ใช่ทรัพย์ที่มีไว้เป็นความผิดหรือเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด จึงไม่อาจริบได้
พิพากษากลับให้ยกฟ้องคืนของกลางแก่เจ้าของ.