คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2709/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยไปพบผู้เสียหายที่บ้านเพียงแต่ต้องการทวงบุตรคืนจากผู้เสียหายที่นำมาช่วยเลี้ยงให้ในฐานะที่เป็นพี่น้องกัน เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมคืนให้จึงเกิดทะเลาะกันขึ้นจำเลยด่าผู้เสียหายและบอกว่าจะไปแจ้งความแล้วหันหลังเดินออกจากบ้านผู้เสียหายทันที แสดงว่าจำเลยไม่ประสงค์จะทะเลาะกับผู้เสียหายต่อไปแล้ว เรื่องก็น่าจะยุติเพียงเท่านั้น การที่ผู้เสียหายถือไม้ไผ่ผ่าซีกยาว 1 ศอกเศษวิ่งไล่ตามไปตีจำเลยอีก จึงเป็นฝ่ายลงมือก่อเหตุขึ้นก่อนเมื่อจำเลยชักมีดปลายแหลมซึ่งเป็นมีดแกะปลาหมึกเล็กๆที่ติดตัวไว้ใช้งานออกมากวัดแกว่งและร้องห้ามผู้เสียหายว่าอย่าเข้ามา อันแสดงถึงเจตนาป้องกันตัว ไม่ประสงค์จะทำร้ายผู้เสียหายก่อน แต่ผู้เสียหายคิดว่าจำเลยไม่กล้าแทงจึงเข้าไปตีจำเลย จำเลยจึงใช้มีดแทง 1 ที ถูกที่หัวไหล่ซ้ายแล้วไม่ได้แทงอีก เมื่อผู้เสียหายตีจำเลยซ้ำอีก 1 ทีถูกแขนซ้ายอย่างแรงจำเลยก็แทงสวนไปอีก 1 ที ถูกที่ใต้รักแร้ด้านซ้าย แล้วจำเลยโยนมีดทิ้งดังนี้เป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยจะแทงก็ต่อเมื่อถูกผู้เสียหายตีก่อนเท่านั้นและแทงเพียง 1 ครั้งต่อการถูกตี 1 ที การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตนให้พ้นอันตรายที่เกิดจากผู้เสียหายใช้ไม้ตีซึ่งเป็นการประทุษร้ายอันละเมิดกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ทั้งจำเลยได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุ จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิด.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80, 69 จำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาในชั้นนี้แต่เพียงว่า จำเลยป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุหรือไม่ ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายนำบุตรจำเลยมาจากนางแดงคนเลี้ยงเด็กโดยไม่ได้บอกให้จำเลยทราบ เมื่อจำเลยมาขอคืนผู้เสียหายก็ไม่ยอมคืนให้ จึงเกิดทะเลาะโต้เถียงกันขึ้น จำเลยด่าผู้เสียหายและบอกว่าจะไปแจ้งความ แล้วหันหลังเดินกลับออกจากบ้านผู้เสียหาย ผู้เสียหายก็ถือไม้ไผ่วิ่งตามไป และตรงเข้าตีจำเลย 1 ที จำเลยยกมือซ้ายขึ้นรับ และชักมีดปลายแหลมออกมากวัดแกว่งพร้อมกับร้องห้ามว่าอย่าเข้ามา ผู้เสียหายคิดว่าจำเลยไม่กล้าแทงยังคงถือไม้เดินเข้าหาจำเลย จำเลยจึงใช้มีดแทงไป 1 ทีถูกผู้เสียหายที่หัวไหล่ซ้ายผู้เสียหายตีจำเลยซ้ำอีก 1 ที ถูกแขนซ้ายอย่างแรง จำเลยจึงแทงสวนไปอีก 1 ทีถูกผู้เสียหายใต้รักแร้ด้านซ้าย แล้วจำเลยโยนมีดทิ้งและเสียหลักล้มลง จึงถูกผู้เสียหายขึ้นคร่อมบนตัวและบีบคอ ญาติๆ ได้แยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน แล้วนำผู้เสียหายส่งโรงพยาบาล พฤติการณ์ดังกล่าวจะเห็นว่า ในตอนแรกที่จำเลยติดตามไปพบผู้เสียหายที่บ้าน จำเลยเพียงแต่ต้องการทวงบุตรคืนจากผู้เสียหายที่นำมาช่วยเลี้ยงให้ในฐานะที่เป็นพี่น้องกัน เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมคืนให้จึงได้เกิดทะเลาะกันขึ้นแล้วจำเลยได้หันหลังเดินกลับออกไปจากบ้านผู้เสียหายทันที แสดงว่าจำเลยไม่ประสงค์จะทะเลาะกับผู้เสียหายต่อไปแล้วเรื่องก็น่าจะยุติเพียงเท่านั้น การที่ผู้เสียหายถือไม้ไผ่วิ่งไล่ตามไปตีจำเลยอีกจึงเป็นฝ่ายลงมือก่อเหตุขึ้นก่อนและปรากฏว่าไม้ไผ่ดังกล่าวเป็นไม้ไผ่ผ่าซีกยาวถึง 1 ศอกเศษ กว้าง 3 นิ้ว ส่วนมีดจำเลยเป็นมีดแกะปลาหมึกเล็ก ๆ ที่ทางโรงงานนายจ้างจำเลยมอบให้ติดตัวไว้ใช้งาน มีความยาวรวมทั้งด้ามเพียง 5 นิ้วกว้าง 1เซนติเมตร ทั้งก่อนแทง จำเลยได้ร้องห้ามผู้เสียหายว่าอย่าเข้ามา อันแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าจำเลยชักมีดออกมากวัดแกว่งเพื่อป้องกันตัว ไม่ประสงค์จะทำร้ายผู้เสียหายก่อนเลย แต่ผู้เสียหายกลับคิดว่าจำเลยไม่กล้าแทง จึงเข้าไปตีจำเลย จำเลยจึงแทงไป 1 ทีถูกหัวไหล่ซ้ายผู้เสียหายแล้วไม่ได้แทงอีก เมื่อถูกผู้เสียหายตีอีกที จำเลยจึงแทงไปอีกครั้งถูกผู้เสียหายที่ใต้รักแร้ แล้วโยนมีดทิ้ง เป็นการบ่งชี้ให้เห็นชัดว่าจำเลยจะแทนก็ต่อเมื่อถูกผู้เสียหายตีก่อนเท่านั้น และแทงเพียง 1 ครั้ง ต่อการถูกตี 1 ทีเห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตนให้พ้นอันตรายที่เกิดจากการที่ผู้เสียหายใช้ไม้ตี ซึ่งเป็นการประทุษร้ายอันละเมิดกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ทั้งจำเลยได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุ จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 จำเลยไม่มีความผิด ศาลอุทธรณ์ พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share