คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า หลังจากบริษัทจำเลยที่ 1 เปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงโดยแต่งตั้งจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่แล้ว จำเลยที่ 2 เรียกโจทก์เข้าไปพูดคุยเสนอให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้วยการลาออกโดยจะจ่ายเงินค่าตอบแทนให้ โจทก์ตกลงและทำหนังสือขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนดยื่นต่อจำเลยที่ 2 โดยสมัครใจ จำเลยที่ 2 อนุมัติและจ่ายเงินค่าตอบแทนให้โจทก์รับไปแล้ว การสิ้นสุดสัญญาจ้างแรงงานระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จึงเกิดจากความตกลงกัน ไม่ใช่โจทก์ถูกจำเลยที่ 1 เลิกจ้างโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม การที่โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 2 หลอกลวงโจทก์ให้ทำหนังสือขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนดไม่ใช่โจทก์สมัครใจลาออกเอง จึงเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าโจทก์ถูกเลิกจ้างหรือไม่ ถือเป็นการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯมาตรา 54 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินค่าเสียหายจากการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมจำนวน20,232.530 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเลิกจ้างเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเสนอให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งด้วยการลาออกและจ่ายเงินค่าตอบแทนให้ โจทก์ตกลงรับข้อเสนอ และทำหนังสือขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนด ไม่ใช่การเลิกจ้าง อุทธรณ์ของโจทก์โต้แย้งว่าเป็นนิติกรรมอำพรางเป็นการโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน มาตรา 54 ไม่รับอุทธรณ์

โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาว่า เอกสารหนังสือขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนดเป็นเอกสารที่ทำขึ้นภายหลังจากที่จำเลยได้เลิกจ้างโจทก์โดยสมบูรณ์แล้ว การทำหนังสือเกษียณอายุดังกล่าวจึงเป็นนิติกรรมอำพราง การเลิกจ้างของจำเลยนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป

ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางพิเคราะห์คำเบิกความของโจทก์และจำเลยที่ 2 ประกอบถ้อยคำการสนทนาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ในเทปบันทึกเสียงหมาย วจ.1 และจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หมาย ล.1 ล.2 ที่โจทก์ส่งถึงจำเลยที่ 2 ก่อนทำหนังสือขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนดเอกสารหมาย จ.2 ตลอดจนข้อความในหนังสือดังกล่าว แล้วฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่า หลังจากจำเลยที่ 1เปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงโดยแต่งตั้งจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่แล้วจำเลยที่ 2 ได้เรียกโจทก์เข้าไปพูดคุยเสนอให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้วยการลาออกโดยจะจ่ายเงินค่าตอบแทนให้ โจทก์ตกลงและทำหนังสือขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนดยื่นต่อจำเลยที่ 2 โดยสมัครใจ จำเลยที่ 2 อนุมัติและได้จ่ายเงินค่าตอบแทนให้โจทก์รับไปแล้ว การสิ้นสุดสัญญาจ้างแรงงานระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จึงเกิดขึ้นจากความตกลง ไม่ใช่โจทก์ถูกจำเลยที่ 1 เลิกจ้าง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม โจทก์อุทธรณ์โดยอ้างเหตุผลต่าง ๆ เพื่อให้รับฟังว่า จำเลยที่ 2 พูดหลอกลวงฉ้อฉลโจทก์ให้ทำหนังสือขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนด ไม่ใช่โจทก์สมัครใจลาออกดังที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัย จึงเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าโจทก์ถูกเลิกจ้างหรือไม่ ซึ่งถือเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามไม่ให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลแรงงานกลางสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง”

Share