แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยสองคนถูกหาว่าชิงทรัพย์และฆ่าคน เมื่อข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำเลยแต่ละคนสามารถแยกรับฟังได้ กรณีจึงมิใช่เป็นเหตุในลักษณะคดี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันชิงทรัพย์ของนายชวย อูแมไป โดยใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายนายชวยโดยเจตนาจะฆ่า นายชวยถึงแก่ความตายเพราะบาดแผลที่ถูกยิง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 288, 289, 83 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำผิดให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคท้าย วางโทษจำคุกคนละ16 ปี จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 8 ปีให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าประจักษ์พยานโจทก์ได้เห็นคนร้ายที่ยิงผู้ตาย เท่ากับโจทก์ไม่มีพยานที่จะให้ศาลฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำผิดดังฟ้อง ซึ่งเป็นเหตุในลักษณะคดีพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสอง
ศาลฎีกาเห็นว่า พยานโจทก์ประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยที่ 2ฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้กระทำผิดจริงดังฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 1 พยานโจทก์ยังเป็นที่น่าสงสัย ศาลต้องยกประโยชน์ให้เป็นผลดีแก่จำเลยที่ 1 และเมื่อเหตุผลในข้อเท็จจริงสามารถแยกรับฟังได้ กรณีจึงหาใช่เป็นเหตุในลักษณะคดีไม่
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคท้าย 16 ปี ลดโทษฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่ง ให้จำคุก 8 ปี และให้จำเลยที่ 2 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์