แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยล้วนฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงขาดตกบกพร่องน้อยไปจากสำนวน และการแปลความจากข้อเท็จจริงที่ฟังมานั้นมีความหมายถึงขนาดว่าจำเลยมีเจตนาหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 43)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 จำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 2 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 42แผ่นที่ 2)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 43)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่รู้ว่าสมุดคู่มือการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ตามฟ้องนั้นเป็นเอกสารปลอม จำเลยเพิ่งรู้ว่าปลอมในขณะจับกุมจะฟังว่าจำเลยรู้ว่าสมุดคู่มือดังกล่าวปลอมแล้วเอาไปต่อทะเบียนย่อมไม่ถูกต้อง เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง