แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของคลองชลประทานซึ่งมีไว้สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304ที่ไม่อาจให้บุคคลใดใช้โดยเฉพาะ จึงเป็นทรัพย์สินที่บุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่อาจมีสิทธิครอบครอง แม้ที่พิพาทจะตื้นเขิน แต่เมื่อยังไม่มีการถอนสภาพตามกฎหมายก็ยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันอยู่ โจทก์ร่วมกับสามีซึ่งเข้าครอบครองโดยมิชอบ จึงไม่ได้สิทธิครอบครอง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมอันจะเป็นความผิดฐานบุกรุกตาม ป.อ. มาตรา 362,364,365
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่กับพวกร่วมกันบุกรุก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 364, 365, 83 และให้จำเลยรื้อถอนเสาทั้งหมดออกไปภายใน 7 วัน ถ้าเกินกำหนดให้ผู้เสียหายรื้อถอนได้เอง
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณานางสอาด อุดมสมุทรหิรัญ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365 และ 83 จำคุกจำเลยคนละ 2 เดือน
จำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่คู่ความนำสืบรับกันว่า โจทก์ร่วมกับนายเลี่ยงทง แซ่แต้ สามีที่มิได้จดทะเบียนสมรสได้ร่วมกันซื้อที่ดินและปลูกบ้านอยู่อาศัย เป็นที่ดินอยู่ติดคลองชลประทานอันเป็นทางสาธารณะ ต่อมาคลองชลประทานส่วนที่อยู่หน้าที่ดินโจทก์ร่วมตื้นเขิน โจทก์ร่วมกับนายเลี่ยงทงได้ร่วมกันครอบครองปักไม้ไผ่ทำเป็นรั้วล้อมที่ดินคลองชลประทานส่วนที่ตื้นเขินใช้เป็นที่เลี้ยงเป็ด ต่อมาในวันเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยที่ 1ซึ่งมีที่ดินอยู่ด้านตรงกันข้ามคนละฝั่งคลองชลประทานได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 นำเสาไม้ปักบนที่ดินคลองชลประทานที่โจทก์ร่วมกับนายเลี่ยงทงใช้เลี้ยงเป็ด และข้อเท็จจริงฟังได้ต่อไปว่าในเวลาต่อมานายเลี่ยงทงสามีโจทก์ร่วมถูกศาลพิพากษาลงโทษฐานบุกรุกคลองชลประทานซึ่งเป็นที่พิพาทนี้ตามพระราชบัญญัติชลประทานหลวง พ.ศ. 2485 ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นความผิดดังที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาหรือไม่ เห็นว่าที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของคลองชลประทาน ซึ่งมีไว้สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 ที่ไม่อาจให้บุคคลใดใช้โดยเฉพาะจึงเป็นทรัพย์สินที่บุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่อาจมีสิทธิครอบครองที่พิพาทแม้จะตื้นเขิน แต่เมื่อยังไม่มีการถอนสภาพตามกฎหมายก็ยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันอยู่ โจทก์ร่วมกับสามีซึ่งเข้าครอบครองโดยไม่ชอบย่อมไม่ได้สิทธิครอบครองการกระทำของจำเลยทั้งสี่จึงไม่เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วม อันจะเป็นความผิดฐานบุกรุกตามฟ้อง
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์