คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7985/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกระทำที่จะเป็นความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138 จะต้องเป็นการกระทำต่อเจ้าพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายโดยได้รับการแต่งตั้งตามวิธีการที่กฎหมายให้อำนาจและกำหนดไว้ ตามพระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. 2497มาตรา 16(2) กองอาสารักษาดินแดนมีหน้าที่ทำหน้าที่ตำรวจรักษาความสงบภายในท้องที่ร่วมกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจและมาตรา 29 เจ้าหน้าที่หรือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนในระหว่างทำการตามหน้าที่ ให้ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายลักษณะอาญา ตามบทบัญญัติดังกล่าวกำหนดให้ผู้เสียหายทำงานร่วมกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจึงจะมีอำนาจตามกฎหมายและให้ถือว่าผู้เสียหายเป็นเจ้าพนักงาน เมื่อปรากฏว่าผู้เสียหายมีหน้าที่เพียงสกัดกั้นผู้กระทำผิดต่อกฎหมายแต่ไม่มีหน้าที่จับกุม หากจะจับกุมจะต้องมีเจ้าพนักงานตำรวจและปลัดอำเภอร่วมด้วย ดังนี้ การที่ไม่มีเจ้าพนักงานตำรวจหรือเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองร่วมกับผู้เสียหายในการจับกุมจำเลยผู้เสียหายจึงไม่เป็นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 140
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 140 วรรคแรก, 83 จำคุก 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาโจทก์มีว่าสิบเอกสงวนหมื่นคำเรือง ผู้เสียหาย ข้าราชการทหาร ตำแหน่งนายสิบประจำหมวดสังกัดกองพันทหารม้าที่ 15 ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่โครงการประจำกองร้อยอาสาสมัครจังหวัดน่านเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า การกระทำที่จะเป็นความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 นั้น จะต้องเป็นการกระทำต่อเจ้าพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายโดยได้รับการแต่งตั้งตามวิธีการที่กฎหมายให้อำนาจและกำหนดไว้ และพระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. 2497 มาตรา 16(2) กองอาสารักษาดินแดนมีหน้าที่ทำหน้าที่ตำรวจรักษาความสงบภายในท้องที่ร่วมกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ และมาตรา 29 เจ้าหน้าที่หรือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนในระหว่างทำการตามหน้าที่ ให้ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายลักษณะอาญา ตามบทบัญญัติดังกล่าวกำหนดให้ผู้เสียหายทำงานร่วมกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจึงจะมีอำนาจตามกฎหมายและให้ถือว่าผู้เสียหายเป็นเจ้าพนักงานแต่ทางนำสืบของโจทก์ได้ความจากผู้เสียหายตอบทนายจำเลยถามค้านว่าผู้เสียหายมีหน้าที่สกัดกั้นผู้กระทำผิดต่อกฎหมาย แต่ไม่มีหน้าที่จับกุมหากจะจับกุมจะต้องมีเจ้าพนักงานตำรวจและปลัดอำเภอร่วมด้วยร้อยตำรวจเอกจำรูญ สอนตระกูล พยานโจทก์ก็เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า อำนาจชุดปฏิบัติการอาสารักษาดินแดนเกี่ยวกับการปราบปรามผู้กระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้นั้น เมื่อพบเห็นผู้กระทำผิดจะต้องแจ้งให้เจ้าพนักงานตำรวจหรือเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือเจ้าหน้าที่ป่าไม้เป็นผู้จับกุม เมื่อทางนำสืบของโจทก์ดังกล่าวไม่ปรากฏว่ามีเจ้าพนักงานตำรวจหรือเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองร่วมกับผู้เสียหายในการจับกุมจำเลย ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายเป็นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่
พิพากษายืน

Share