แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกในความผิดฐานมีไม้ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทแม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำคุกสถานเดียวโดยไม่ปรับและไม่รอการลงโทษ ก็เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำเลยให้จำคุกแต่ละกระทงไม่เกินหนึ่งปี จึงเป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้าม
ในกรณีที่มีคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2483 มาตรา 74 จัตวา ศาลจะพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับได้ก็ต่อเมื่อมีการลงโทษปรับจำเลยด้วย เพราะจำนวนเงินค่าปรับจะต้องนำมาเป็นเกณฑ์ในการคำนวณว่าจะต้องจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเป็นจำนวนเท่าใด เมื่อความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกแต่อย่างเดียวโดยไม่ลงโทษปรับ ก็ต้องยกคำขอที่ให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑,๑๓๘ พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๓, ๗๑, ๑๒๖, ๑๔๘พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๖๙, ๗๓, ๗๔, ๗๔ จัตวาพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่๕) พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๒๘ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่๖) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๙ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่๗)พ.ศ. ๒๕๒๕ มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๔ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่๖) พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๔ริบไม้ของกลาง และจ่ายสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย
ชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธ เมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วจำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพตามฟ้องทุกข้อหา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๑, ๑๓๘ พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๓,๗๑, ๑๒๖, ๑๔๘ พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๖๙, ๗๓, ๗๔,๗๔ จัตวา พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่๕) พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๒๘พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่๖) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๙ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่๗) พ.ศ. ๒๕๒๕ มาตรา ๓ พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้ามพ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๔ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่๖) พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๔หลายกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ให้เรียงกระทงลงโทษความผิดฐานใช้รถยนต์ประกอบการขนส่งโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ปรับ ๒๔,๐๐๐ บาท ความผิดฐานใช้รถโดยไม่จดทะเบียนและไม่เสียภาษี ปรับ ๖,๐๐๐ บาท ความผิดฐานมีไม้ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก ๑ ปี ปรับ ๑๒,๐๐๐ บาท ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ให้จำคุก ๑ ปี ปรับ ๓,๐๐๐ บาท รวมจำคุก ๒ ปี และปรับ ๔๕,๐๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ เห็นสมควรลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก๑ ปี ๔ เดือน และปรับ ๓๐,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด๒ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ ริบไม้ของกลางจ่ายสินบนเฉพาะข้อหาความผิดฐานมีไม้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตให้แก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับตามคำพิพากษา โดยจ่ายจากเงินค่าปรับที่ชำระต่อศาล ถ้าจำเลยไม่ชำระค่าปรับ หรือชำระไม่ถึงจำนวนที่จะต้องจ่ายค่าสินบนนำจับได้ครบถ้วน ก็ให้จ่ายเงินสินบนนำจับที่ยังจะต้องจ่ายจากเงินค่าขายของกลางที่ศาลสั่งริบ ถ้ายังขาดอยู่อีกให้เป็นอันพับไป
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยให้สูงขึ้น และขอไม่รอการลงโทษแก่จำเลย
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดร้ายแรง พฤติการณ์แห่งคดีไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำเลยส่วนที่ศาลชั้นต้นกำหนดโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงเหมาะสมแก่ความผิดแล้วพิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับและไม่รอการลงโทษให้จำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับความผิดที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น ปรากฏว่าศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทแม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้เป็นลงโทษจำคุกสถานเดียวโดยไม่ปรับและไม่รอการลงโทษ ก็เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำเลยให้จำคุกแต่ละกระทงไม่เกินหนึ่งปี จึงเป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๙ ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยแต่ที่ศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษายกคำขอที่ให้จ่ายเงินสินบนนำจับตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๗๔ จัตวา นั้น เป็นการไม่ถูกต้อง เพราะศาลจะพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับได้ก็ต่อเมื่อมีการลงโทษปรับจำเลยด้วย เพราะจำนวนเงินค่าปรับจะต้องนำมาเป็นเกณฑ์ในการคำนวณว่าจะต้องจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเป็นจำนวนเท่าใด เมื่อความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาให้ลงโทษปรับจำเลยด้วยแล้ว ก็ต้องยกคำขอที่ให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเสียด้วยและที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าไม่ปรับและไม่รอการลงโทษให้จำเลยนั้นหมายถึงเฉพาะฐานความผิดซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับเท่านั้นศาลฎีกาจึงเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องชัดเจน
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับและไม่รอการลงโทษจำเลยเฉพาะฐานมีไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาตและฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน กับให้ยกคำขอที่ให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.