คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2678/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องของโจทก์แปลได้ว่าโจทก์ซื้อวิทยุแล้วมอบให้ผู้ขายเป็นตัวแทนนำเอาวิทยุไปให้จำเลยทำการขนส่งไปให้โจทก์และในทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่าที่ผู้ขายกระทำไปนั้นเป็นการกระทำในฐานะตัวแทนของโจทก์ โดยโจทก์เป็นผู้จ่ายค่าขนส่งเอง ผู้ขายจึงเป็นตัวแทนของโจทก์ในการทำสัญญาขนส่งวิทยุกับจำเลย โจทก์ซึ่งเป็นตัวการจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญารับขนได้
เหตุสุดวิสัยนั้นต้องเป็นเหตุผิดปกติสุดวิสัยที่คิดว่าจะมีขึ้น หากเป็นกรณีที่อาจป้องกันผลพิบัติได้ถ้าได้จัดการระมัดระวังตามสมควรแล้ว ก็มิใช่เหตุที่จะป้องกันไม่ได้ จำเลยรับขนวิทยุไปให้โจทก์โดยบรรทุกมาในรถ ถ้าหากลูกจ้างของจำเลยใช้ความระมัดระวังตรวจตราดูแลสินค้าที่บรรทุกมาในระหว่างจอดพักรถ คนร้ายก็จะไม่สามารถขโมยเอาวิทยุไปได้จึงอยู่ในวิสัยที่จะป้องกันได้ ถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อวิทยุจากห้างหุ้นส่วนจำกัดสงวนวิทยุการไฟฟ้าจำนวน 3 เครื่อง ผู้ขายได้นำวิทยุไปมอบให้จำเลยส่งไปให้แก่โจทก์ ณ ภูมิลำเนาของโจทก์ จำเลยรับเป็นผู้ทำการขนส่ง ต่อมาวิทยุดังกล่าวสูญหายไปจึงขอให้บังคับจำเลยส่งมอบวิทยุแก่โจทก์ หากส่งไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน 18,000 บาท และค่าเสียหายอีก 6,000 บาท

จำเลยให้การว่า โจทก์มิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงิน 18,000 บาทแก่โจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องให้ให้จำเลยรับผิดตามสัญญารับขนได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ซื้อวิทยุตามฟ้องทั้งสามเครื่องจากห้างหุ้นส่วนจำกัดสงวนวิทยุการไฟฟ้า ปรากฏตามใบเสร็จรับเงินเอกสารหมายจ.1 และมอบให้ผู้ขายจัดส่งวิทยุดังกล่าวไปให้โจทก์ที่อำเภอหล่มสัก ห้างหุ้นส่วนจำกัดสงวนวิทยุการไฟฟ้าได้นำเอาวิทยุดังกล่าวบรรจุกล่องมอบให้จำเลยที่ 1 ทำการขนส่งไปให้โจทก์ จำเลยที่ 1 ได้ออกใบรับขนสินค้าให้ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.2แต่วิทยุทั้งสามเครื่องสูญหายไป โดยถูกคนร้านขโมยเอาไปในระหว่างการขนส่งจากกรุงเทพมหานคร ไปยังอำเภอหล่มสัก จำเลยที่ 1 จึงไม่สามารถส่งมอบวิทยุทั้งสามเครื่องให้แก่โจทก์ได้ โจทก์ฎีกาว่า โจทก์เป็นผู้เสียหาย มีอำนาจฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามสัญญารับขนได้ ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องของโจทก์พอแปลได้ว่า โจทก์ซื้อวิทยุพิพาทแล้วได้มอบให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดสงวนวิทยุการไฟฟ้าผู้ขายเป็นตัวแทนนำเอาวิทยุไปส่งมอบให้แก่จำเลยทั้งสองทำการขนส่งไปให้โจทก์ณ ภูมิลำเนาของโจทก์ และในทางพิจารณาโจทก์ก็นำสืบว่า ที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดสงวนวิทยุการไฟฟ้านำเอาวิทยุพิพาทไปมอบให้จำเลยทั้งสองทำการขนส่งไปให้โจทก์นั้นห้างหุ้นส่วนจำกัดสงวนวิทยุการไฟฟ้ากระทำไปในฐานะตัวแทนของโจทก์ นอกจากนี้โจทก์และนายสงวน สงวนกิจวิบูลย์ พยานโจทก์เบิกความต้องกันว่า ค่าขนส่งวิทยุพิพาทโจทก์เป็นผู้จ่ายเอง เมื่อข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้จึงฟังได้ว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดสงวนวิทยุการไฟฟ้า เป็นตัวแทนของโจทก์ในการทำสัญญาขนส่งวิทยุพิพาทกับจำเลยที่ 1 ตามใบรับขนสินค้าเอกสารหมาย จ.2 โจทก์ซึ่งเป็นตัวการในการทำสัญญาขนส่งระหว่างห้างหุ้นส่วนจำกัดสงวนวิทยุการไฟฟ้ากับจำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามสัญญารับขนได้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาโจทก์ฟังขึ้น

ส่วนปัญหาว่า จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์หรือไม่เพียงใดนั้น ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดประการใด แต่ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยประเด็นข้อนี้ไปเลย โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ในประเด็นข้อนี้จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เพราะวิทยุพิพาทสูญหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย จำเลยไม่สามารถป้องกันได้ศาลฎีกาเห็นว่า เหตุสุดวิสัยนั้นต้องเป็นเหตุผิดปกติสุดวิสัยที่คิดว่าจะมีขึ้นหากเป็นกรณีที่อาจป้องกันผลพิบัติได้ถ้าได้จัดการระมัดระวังตามสมควรแล้วก็มิใช่เหตุที่จะป้องกันไม่ได้ ที่จำเลยที่ 1 รับขนวิทยุพิพาทไปให้โจทก์โดยบรรทุกมาในรถบรรทุกมีผ้าใบคลุมไว้ ถ้าหากคนขับรถหรือลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ได้ใช้ความระมัดระวังตรวจตราดูแลสินค้าที่บรรทุกมาในรถของจำเลยที่ 1ในระหว่างจอดพักรถระหว่างเดินทางแล้ว คนร้ายก็จะไม่สามารถกรีดผ้าใบขโมยเอาวิทยุพิพาทไปได้ จึงอยู่ในวิสัยของจำเลยที่ 1 ที่จะป้องกันมิให้คนร้ายขโมยวิทยุพิพาทไปได้ เหตุที่วิทยุพิพาทถูกขโมยไปจึงเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อไม่ใช่ความระมัดระวังตรวจตราดูแลให้ดี เป็นความบกพร่องของฝ่ายจำเลยจึงถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 18,000 บาทแก่โจทก์

Share