คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จะต้องประกอบด้วยเจตนาพิเศษ คือต้องเป็นการกระทำเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด จำเลยเป็นเพียงพลตำรวจ เมื่อปรากฏว่ามีการเล่นการพนันกันที่สถานีตำรวจที่จำเลยประจำอยู่ ย่อมเป็นการยากแก่จำเลยในการตัดสินใจว่าจะสมควรเข้าทำการจับกุมโดยตนเองหรือไม่ ยิ่งกว่าจะมีเจตนาให้เกิดความเสียหายต่อกรมตำรวจ เมื่อไม่ได้ความว่าที่จำเลยไม่จับเพราะคิดร้ายต่อใคร จึงไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาพิเศษให้กรมตำรวจได้รับความเสียหาย จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานีตำรวจนครบาลบางมดจำเลยพบเห็นนายชื้น กับพวกกำลังลักลอบเล่นการพนันไฮโลว์เอาทรัพย์สินกันโดยไม่รับอนุญาตบนตึกชั้นที่ ๓ ของสถานีตำรวจดังกล่าว จำเลยบังอาจละเว้นไม่ทำการจับกุมตามอำนาจและหน้าที่ของจำเลยโดยมิชอบเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อกรมตำรวจ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
ไม่ปรากฏว่าจำเลยยื่นคำให้การ แต่นำสืบปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะเกิดเหตุจำเลยยืนอยู่ที่วงการพนันขณะมีการเล่นการพนันโดยจำเลยไม่ทำการจับกุมแต่ได้วิ่งหนีพร้อมผู้เล่น เมื่อพันตำรวจเอกอำพลเข้าทำการจับกุม และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ จะต้องประกอบด้วยเจตนาพิเศษ คือต้องเป็นการกระทำเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด แต่ตามข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบ ไม่ได้ความว่าจำเลยไม่จับเพราะคิดร้ายต่อใคร จำเลยเป็นเพียงพลตำรวจ เมื่อปรากฏว่ามีการเล่นการพนันกันที่สถานีตำรวจที่ตนประจำอยู่ ย่อมเป็นการยากแก่จำเลยในการตัดสินใจว่าจะสมควรเข้าทำการจับกุมโดยตนเองหรือไม่ ยิ่งกว่าจะมีเจตนาให้เกิดความเสียหายต่อกรมตำรวจ ข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาพิเศษให้กรมตำรวจได้รับความเสียหาย จำเลยจึงไม่มีความผิดดังฟ้อง
พิพากษายืน

Share