คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2669/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามสัญญาข้อ 8 เมื่อผู้ขายผิดสัญญา ผู้ซื้ออาจบอกเลิกสัญญาได้ทันทีโดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้ขายยังอาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้หรือไม่ ส่วนข้อ 9 ถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายยังอาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ จึงยอมให้ผู้ขายส่งของเมื่อพ้นกำหนดเวลาส่งมอบตามสัญญาได้ แต่ผู้ขายจะต้องถูกปรับเป็นรายวัน นับแต่วันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันส่งมอบเรียบร้อยเมื่อผู้ซื้อยอมผ่อนปรนให้เช่นนี้แล้ว ถ้าผู้ขายยังทำให้ผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ซื้อก็ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาดังนี้ เมื่อผู้ซื้อผิดสัญญาโดยส่งของไม่ถูกต้อง ผู้ซื้อก็แจ้งให้ผู้ขายนำของไปเปลี่ยนถึง 3 ครั้ง แสดงว่าผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8 แต่ยอมให้ผู้ขายส่งมอบของได้แม้พ้นกำหนดเวลาแล้ว ซึ่งผู้ขายก็ไม่อาจจัดหาของมาส่งมอบได้ ผู้ซื้อจึงบอกเลิกสัญญา รูปคดีต้องปรับด้วยข้อ 9 ผู้ซื้อมีสิทธิริบหลักประกันและเรียกร้องเอาเงินค่าปรับเป็นรายวันจากผู้ขายได้
ส่วนจำนวนเบี้ยปรับนั้น เมื่อผู้ขายได้รับแจ้งว่าส่งของไม่ถูกต้องตามสัญญาก็มีหนังสือถึงผู้ซื้อขอยกเลิกสัญญาและยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญาทุกประการ ผู้ซื้อไม่เลิกสัญญาโดยแจ้งว่าของมีขายในท้องตลาด ให้ปฏิบัติตามสัญญา ผู้ขายขอเลิกสัญญาทุกครั้งที่ผู้ซื้อเตือนดังนี้ผู้ซื้อหาควรฝืนใจผู้ขายให้ปฏิบัติตามสัญญาต่อไปอีกไม่น่าจะอนุมัติเลิกสัญญาตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือ จึงสมควรให้ผู้ซื้อได้รับเบี้ยปรับตั้งแต่วันที่ผู้ขายผิดสัญญาจนถึงวันที่ผู้ซื้อได้รับหนังสือขอยกเลิกสัญญาจากผู้ขาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาขายสายพานให้แก่โจทก์ โดยจะส่งมอบภายใน240 วัน นับจากวันทำสัญญา หากจำเลยผิดสัญญาไม่ส่งมอบสิ่งของหรือส่งมอบสิ่งของไม่ถูกต้องโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและจำเลยยอมให้โจทก์ริบหลักประกันแต่ถ้าโจทก์ยังไม่ใช้สิทธิเลิกสัญญา จำเลยยอมให้โจทก์ปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังมิได้ส่งมอบนับแต่วันครบกำหนดตามสัญญา จนถึงวันที่ส่งมอบถูกต้องครบถ้วน ถ้าโจทก์เห็นว่าจำเลยไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ โจทก์จะใช้สิทธิเลิกสัญญาและริบหลักประกันนอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้ จำเลยส่งมอบสายพานไม่ตรงตามชนิดที่ระบุในสัญญาโจทก์จึงไม่ยอมรับและมีหนังสือเตือนจำเลยให้ส่งมอบของให้ถูกต้องตามสัญญาอีกหลายครั้งจำเลยก็อ้างเหตุขัดข้องต่าง ๆ ทั้งขอแก้เงื่อนไขสัญญาตลอดมา เมื่อโจทก์เห็นว่าจำเลยไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ จึงบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกัน และเตือนจำเลยให้ชำระเงินค่าปรับร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้ส่งมอบ จำเลยเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าปรับแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ผิดสัญญาเพราะได้ส่งมอบสินค้าให้โจทก์แล้วสิ่งของที่ส่งมอบมีคุณภาพไม่ต่ำกว่าที่กำหนดไว้ในสัญญา โจทก์พยายามถ่วงเวลาเพื่อให้ได้ค่าปรับมากขึ้น หากโจทก์ยอมเลิกสัญญาตามหนังสือขอร้องของจำเลยจำเลยจะถูกปรับเป็นเงินไม่ถึงจำนวนที่โจทก์ฟ้อง อย่างไรก็ตามเมื่อโจทก์ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบเงินประกันแล้วก็ไม่ควรเรียกค่าปรับอีก ขอให้พิพากษายกฟ้อง

ในวันนัดสืบพยาน โจทก์จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงกันบางประการแล้วขอให้ศาลวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวว่า เมื่อโจทก์ริบเงินมัดจำแล้วจะยังมีสิทธิเรียกเอาค่าปรับเป็นรายวันตามสัญญาได้อีกหรือไม่ เป็นจำนวนเท่าใด

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เมื่อโจทก์เลือกเอาการบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันแล้ว จึงไม่มีสิทธิเรียกเอาเงินค่าปรับเป็นรายวัน พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์ริบเงินมัดจำและเรียกเงินค่าปรับเป็นรายวันได้

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ถ้าโจทก์เรียกเอาเงินค่าปรับรายวันก่อนแล้วเห็นว่าจำเลยไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาได้ จึงอาจบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันได้เมื่อโจทก์มิได้เรียกเอาเงินค่าปรับเป็นรายวันก่อน จึงไม่มีสิทธิเรียกเอาเงินค่าปรับเป็นรายวันภายหลัง พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญาข้อ 8 เมื่อผู้ขายผิดสัญญา ผู้ซื้ออาจบอกเลิกสัญญาได้ทันทีโดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้ขายยังอาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้หรือไม่ส่วนข้อ 9 ผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายยังอาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ จึงยอมให้ผู้ขายส่งของเมื่อพ้นกำหนดเวลาส่งมอบตามสัญญาได้ แต่ผู้ขายจะต้องถูกปรับเป็นรายวัน นับตั้งแต่วันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันส่งมอบของเรียบร้อย เมื่อผู้ซื้อยอมผ่อนปรนให้เช่นนี้แล้วถ้าผู้ขายยังทำให้ผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ซื้อก็ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ความแตกต่างระหว่างข้อ 8 กับข้อ 9 อยู่ที่ว่า ข้อ 8 ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาโดยไม่ยอมผ่อนปรนให้ผู้ขาย ส่วนข้อ 9 ผู้ซื้อได้ยอมผ่อนปรนให้ผู้ขายแล้ว แต่ผู้ขายทำให้ผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ซื้อจึงใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา สำหรับกรณีระหว่างโจทก์จำเลยได้ความว่า เมื่อจำเลยผิดสัญญาโดยส่งของไม่ถูกต้อง โจทก์ก็แจ้งให้จำเลยนำของไปเปลี่ยนถึง 3 ครั้ง แสดงว่าโจทก์ไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8 แต่ยอมให้จำเลยส่งมอบของได้แม้พ้นกำหนดเวลาแล้วซึ่งจำเลยก็ไม่อาจจัดหาของตามที่ระบุไว้ในสัญญามาส่งมอบได้ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญารูปคดีต้องปรับด้วยสัญญาข้อ 9 โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินค่าปรับเป็นรายวันจากจำเลยได้

ปัญหาต่อไปมีว่า โจทก์ควรจะได้รับเบี้ยปรับเป็นจำนวนเงินเท่าใด ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลล่างวินิจฉัย ข้อเท็จจริงได้ความว่าเมื่อจำเลยที่ 1 ได้รับหนังสือแจ้งว่าส่งของไม่ถูกต้องตามสัญญาก็ชี้แจงให้โจทก์ทราบว่าเกิดการเข้าใจผิดในเรื่องสินค้าระหว่างบริษัทผู้ผลิตกับจำเลย จำเลยขอยกเลิกสัญญาโดยยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญาทุกประการ โจทก์ไม่เลิกสัญญาตามที่จำเลยขอกลับตอบว่าของมีขายในท้องตลาดให้ปฏิบัติตามสัญญา จำเลยหาซื้อแล้วแต่ของไม่มีขาย สอบถามถึงสถานที่ที่มีขายก็ไม่ปรากฏคำตอบจากโจทก์ จำเลยยืนยันขอยกเลิกสัญญาทุกครั้งที่โจทก์เตือน ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อจำเลยแจ้งว่าไม่อาจปฏิบัติตามสัญญา ขอรับผิดตามเงื่อนไขของสัญญาแล้ว โจทก์หาควรฝืนใจจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาต่อไปอีกไม่ น่าจะอนุมัติเลิกสัญญาตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือจึงสมควรลดเบี้ยปรับให้จำเลย คงปรับตั้งแต่วันที่จำเลยผิดสัญญาจนถึงวันที่หนังสือขอยกเลิกสัญญาของจำเลยถึงโจทก์

พิพากษากลับ ให้จำเลยใช้เบี้ยปรับแก่โจทก์ ตั้งแต่วันที่จำเลยผิดสัญญาจนถึงวันที่หนังสือขอยกเลิกสัญญาของจำเลยถึงโจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ

Share