คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2665/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ม.กับจำเลยโกรธแค้นผู้ตายที่มาพูดเชิงบังคับให้ชำระค่าอาหารที่ ม. ขอติดค้างต่อเจ้าของร้าน เมื่อชำระ ค่าอาหารแล้ว ม. กับจำเลยไปเอาอาวุธปืนที่บ้านของ ม.โดยจำเลยเอาลูกระเบิดแบบขว้างติดตัวมาด้วย กลับมาถึง ร้านอาหารม. เข้าไปยิงผู้ตายส่วนจำเลยยืนถือลูกระเบิด รอ ม. อยู่ เมื่อ ม. ยิงผู้ตายแล้ว จำเลยถาม ม. ว่าตายไหมแล้ว ม. กับจำเลยก็หลบหนีไปด้วยกันพฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับ ม. ฆ่าผู้ตาย
การที่ ม. กับจำเลยโกรธแค้นผู้ตายที่มาพูดเชิงบังคับ ให้ชำระค่าอาหารที่ ม. ขอติดค้างต่อเจ้าของร้าน จึงไปเอาอาวุธปืนที่บ้านของ ม. กลับมายิงผู้ตายถึง แก่ความตายเพราะความโกรธแค้นในขณะที่ผู้ตายยังนั่ง รับประทานอาหารอยู่ที่ร้านเดิม การกระทำของ ม. กับ จำเลยจึงเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับนายมานัสซึ่งเป็นพลเรือนได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงจ่าสิบตำรวจพรชัยผู้ตายโดยเจตนาฆ่าและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ผู้ตายถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙, ๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๙ (๔), ๘๓
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คืนเกิดเหตุนายมานัสกับจำเลยรับประทานอาหารที่ร้านรุ่งโภชนา แล้วนายมานัสขอติดค้างค่าอาหารต่อเจ้าของร้าน จ่าสิบตำรวจพรชัย ผู้ตายซึ่งรับประทานอาหารอยู่ที่โต๊ะข้างเคียง ได้พูดให้นายมานัสกับจำเลยชำระค่าอาหาร จำเลยจึงชำระ นายมานัสไม่พอใจได้โต้เถียงกับผู้ตาย ๒ – ๓ นาทีหลังจากนั้นนายมานัสกับจำเลยพากันไปเอาอาวุธปืนเอ็ม .๑๖ ที่บ้านของนายมานัสจำเลยเอาลูกระเบิดแบบขว้างติดตัวมาด้วย ๑ ลูก เมื่อกลับมาถึงร้านอาหาร จำเลยถือลูกระเบิดยืนเกาะประตูรถอยู่ นายมานัสเข้าไปยิงผู้ตายซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร๒ นัด ถึงแก่ความตายทันที แล้วนายมานัสกับจำเลยหลบหนีไปด้วยกัน ศาลฎีกาเห็นว่า สาเหตุที่นายมานัสยิงผู้ตายก็เนื่องมาจากนายมานัสกับจำเลยโกรธแค้นผู้ตายที่มาพูดเชิงบังคับให้ชำระค่าอาหารแก่เจ้าของร้าน เมื่อนายมานัสกลับไปบ้านเอาอาวุธเอ็ม .๑๖ มาเพื่อฆ่าผู้ตายนั้น จำเลยได้เอาลูกระเบิดแบบขว้างติดตัวมาด้วย ๑ ลูก และตอนที่นายมานัสลงจากรถสองแถวไปที่ร้านอาหาร จำเลยก็ถือลูกระเบิดยืนเกาะประตูรถอยู่ แสดงว่าจำเลยทราบดีว่านายมานัสจะไปยิงผู้ตาย จำเลยจึงได้ถือลูกระเบิดเตรียมพร้อมไว้เพื่อช่วยเหลือหากนายมานัสพลาดพลั้งกลับมา เพราะจำเลยทราบดีแล้วว่าผู้ตายเป็นตำรวจอาจมีการต่อสู้กันขึ้นก็ได้ เมื่อนายมานัสยิงผู้ตายแล้วกลับมาที่รถ จำเลยถามนายมานัสว่าตายไหมอันเป็นการถามเพื่อให้ทราบว่าการกระทำของนายมานัสบรรลุผลตามเจตนาของนายมานัสกับจำเลยหรือไม่นั่นเอง ถ้าจำเลยไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำของนายมานัสแล้ว จำเลยย่อมจะปลีกตัวกลับบ้านเสียได้ตั้งแต่จำเลยชำระค่าอาหารข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมกับนายมานัสฆ่าผู้ตาย
นายมานัสกับจำเลยโกรธแค้นผู้ตายที่มาพูดให้ชำระค่าอาหาร จึงเกิดความคิดที่ฆ่าผู้ตายเสีย แต่ในขณะนั้นทั้งนายมานัสและจำเลยต่างไม่มีอาวุธจึงได้พากันไปเอาอาวุธปืนเอ็ม .๑๖ ที่บ้านของนายมานัส แล้วกลับมายิงผู้ตายในขณะที่ยังรับประทานอาหารอยู่ที่เดิม พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่านายมานัสกับจำเลยมีความตั้งใจจะฆ่าผู้ตาย จึงได้ตัดสินใจกลับไปเอาอาวุธปืนมายิงผู้ตายเพราะความโกรธแค้น การกระทำของนายมานัสกับจำเลยจึงเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙(๔)
พิพากษายืน

Share