แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที1 ได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ทับที่ดินของโจทก์ แล้วโอนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 โดยจำเลยทั้งสองมิได้เข้ามาครอบครองที่ดินพิพาท ดังนี้ ข้ออ้างการแย่งสิทธิครอบครองของจำเลยทั้งสองย่อมจะยังไม่เกิดขึ้น จะนำเอามาตรา 1374, 1375 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาบังคับแต่คดีหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ครอบครองทำกินอย่างเป็นเจ้าของตลอดมาเกือบ ๒๐ ปีแล้ว ต่อมาจำเลยทั้งสองสมคบกันฉ้อโกงเอาที่ดินของโจทก์ โดยจำเลยที่ ๑ แอบไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทับที่ดินของโจทก์ทั้งแปลงแล้วทำการโอนขายให้จำเลยที่ ๒ โดยกลฉ้อฉล จำเลยทั้งสองไม่เคยเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินแปลงนี้มาก่อนเลย พ.ศ. ๒๕๑๘ โจทก์เข้าทำนา จำเลยห้าม จึงขอให้ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยที่ ๒ ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ ๑ ได้ขายให้แก่จำเลยที่ ๒ ผู้ซึ่งรับซื้อไว้โดยสุจริต ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยที่ ๑ กระทำโดยชอบ การซื้อขายกระทำโดยสุจริตและฟ้องโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทตลอดมา คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษากลับ ห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกันที่พิพาท
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ครอบครองที่พิพาทตลอดมา จำเลยที่ ๑ ได้แต่ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ และโอนสายให้จำเลยที่ ๒ เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่พิพาท ข้ออ้างการแย่งสิทธิครอบครองของจำเลยย่อมจะยังไม่เกิดขึ้น จะนำเอามาตรา ๑๓๗๔, ๑๓๗๕ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาใช้บังคับแก่คดีหาได้ไม่ โจทก์ผู้มีสิทธิ์ครอบครองเหนือที่พิพาทย่อมมีอำนาจฟ้องห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารได้
พิพากษายืน