แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นหนี้ค่าสินค้าโจทก์ 45,400 บาท ต่อมาได้มีการตกลงกันที่สถานีตำรวจโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกไว้ในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีว่าจำเลยยอมรับว่าเป็นหนี้โจทก์ 29,609 บาท และจะผ่อนชำระให้แก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท ส่วนอีก 15,791 บาท จำเลยจะตกลงกันเองกับโจทก์ต่อไป บันทึกดังกล่าวไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความเพราะจำเลยยอมรับผิดเพียง 29,609บาทส่วนอีก 15,791 บาท จะได้ไปตกลงกันเองข้อพิพาทในเรื่องหนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยจึงยังคงมีอยู่หาได้ระงับไปไม่ แต่เป็นเพียงหนังสือรับสภาพหนี้และข้อสัญญาของจำเลยฝ่ายเดียวที่จะผ่อนชำระหนี้สำหรับเงินจำนวน 29,609 บาท ให้แก่โจทก์ เมื่อจำเลยผิดสัญญา โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมดในคราวเดียวกันได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองซื้อสินค้าไปจากโจทก์หลายคราว เมื่อหักทอนบัญชีกันแล้ว จำเลยยังคงค้างชำระอยู่ ๔๕,๔๐๐ บาท ต่อมาจำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้และตกลงจะผ่อนชำระให้แก่โจทก์เป็นรายเดือนแต่แล้วก็ไม่ชำระ จึงขอให้พิพากษาบังคับ
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ ๑ คงค้างชำระเพียง ๒๙,๖๐๙ บาท และได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยที่ ๑ จะผ่อนชำระเป็นรายเดือน เดือนละ ๑,๐๐๐ บาท จำเลยชำระไปแล้ว ๒ งวด โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยที่ ๑ ชำระให้เสร็จในคราวเดียวไม่ได้ ส่วนจำเลยที่ ๒ ไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๒๘,๖๐๙ บาทแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ว่าจำเลยมีสิทธิที่จะผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์เดือนละ ๑,๐๐๐ บาทจนกว่าจะครบ ๒๙,๖๐๙ บาท ตามเอกสารหมาย จ.๓ หรือไม่อยู่ที่การวินิจฉัยว่าเอกสารหมาย จ.๓ เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความหรือเป็นหนังสือรับสภาพหนี้เห็นว่าลักษณะของสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นจะต้องเป็นสัญญาซึ่งคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายยอมระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันบันทึกข้อตกลงตามเอกสารหมาย จ.๓ หาได้มีลักษณะดังกล่าวแล้วไม่ ดังจะเห็นได้ว่าข้อความตามบันทึกนั้นจำเลยยอมรับผิดเฉพาะหนี้จำนวนเพียง ๒๙,๖๐๙ บาทเท่านั้นแต่สำหรับหนี้อีก ๒ จำนวนรวมเป็นเงิน๑๕,๗๙๑ บาทนั้น จำเลยหาได้ยอมชำระไม่ปรากฏในบันทึกว่าสำหรับหนี้จำนวน ๑๕,๗๙๑ บาทนั้น จำเลยจะไปทำความตกลงกันเองข้อพิพาทในเรื่องหนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยจึงยังคงมีอยู่หาได้ระงับไปเพราะเอกสารหมาย จ.๓ ไม่ ดังนั้นข้อตกลงตามเอกสารหมาย จ.๓ จึงมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความบันทึกดังกล่าวเป็นแต่หนังสือรับสภาพหนี้และข้อสัญญาของจำเลยฝ่ายเดียวที่จะผ่อนชำระหนี้สำหรับเงินจำนวน ๒๙,๖๐๙ บาทให้แก่โจทก์เดือนละ ๑,๐๐๐ บาท โจทก์จึงมีสิทธิที่จะฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมดในคราวเดียวกันได้
พิพากษายืน