แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้คำฟ้องอ้างเพียงว่าจำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทของโจทก์ทั้งหกกับพวกด้วยการยื่นคำคัดค้านขอรังวัดออกโฉนดที่ดินขอให้ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องและรบกวนการครอบครองแต่เมื่อจำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองจึงมีประเด็นพิพาทว่าฝ่ายใดมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทการที่จำเลยยินยอมให้ผู้อื่นเช่าที่ดินพิพาทส่วนหนึ่งปลูกสร้างอาคารร้านค้าในเวลาต่อมาอันเป็นการกระทำขึ้นใหม่ซึ่งอาจเกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งหกได้หากศาลพิพากษาให้โจทก์ทั้งหกเป็นฝ่ายชนะคดีจึงมีเหตุสมควรและเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา254(2)มาใช้
ย่อยาว
คดี สืบเนื่อง จาก โจทก์ ทั้ง หก ฟ้อง ว่า โจทก์ ทั้ง หก กับ นาย วัฒนา เป็น เจ้าของ ผู้ครอบครอง และ ทำประโยชน์ ใน ที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 483เนื้อที่ 100 ไร่ เศษ โดย ได้รับ มรดก ตกทอด จาก มารดา ต่อมา โจทก์ ทั้ง หกกับ นาย วัฒนา ได้ ร่วมกัน ยื่น คำขอ รังวัด ออก โฉนด ที่ดิน แปลง ดังกล่าว จำเลย ได้ ยื่น คำคัดค้าน เป็นเหตุ ให้ โจทก์ ทั้ง หก กับ นาย วัฒนา ได้รับ ความเสียหาย ขอให้ห้าม จำเลย กับ บริวาร เข้า เกี่ยวข้อง หรือรบกวน การ ครอบครอง ใน ที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 483 ของ โจทก์ ทั้ง หกและ ให้ จำเลย ชดใช้ ค่าเสียหาย จำนวน 1,000,000 บาท พร้อม ดอกเบี้ย
จำเลย ให้การ ว่า ที่ดินพิพาท เป็น ของ นาย วัฒนา บิดา ของ จำเลย ขณะ มี ชีวิต อยู่ นาย วัฒนา ได้ ยก ที่ดินพิพาท ด้าน ทิศตะวันออก และ ทิศ ตะวัน ตก ให้ แก่ จำเลย ตั้งแต่ เดือน กุมภาพันธ์ 2526 จำเลย ได้ เข้าครอบครอง และ ทำประโยชน์ เรื่อย มา จน ถึง ปัจจุบัน การ ที่ จำเลย ยื่นคำคัดค้าน การ รังวัด ออก โฉนด ที่ดินพิพาท เป็น การ ใช้ สิทธิ โดยสุจริตโจทก์ ทั้ง หก ไม่เสีย หาย โจทก์ ทั้ง หก ฟ้องคดี นี้ เกิน 1 ปี นับแต่จำเลย ครอบครอง ที่ดินพิพาท จึง ไม่มี สิทธิ ฟ้อง เรียกคืน ขอให้ ยกฟ้อง
ระหว่าง พิจารณา โจทก์ ทั้ง หก ยื่น คำร้องขอ ให้ ศาล มี คำสั่งห้าม จำเลย กับ บริวาร มิให้ กระทำการ ใด ๆ ใน ที่ดินพิพาท เป็น การ ชั่วคราวก่อน พิพากษา
ศาลชั้นต้น วินิจฉัย ว่า ก่อน จำเลย เข้า ไป ไถ ดิน และ ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง ใน ที่ดินพิพาท จำเลย เคย ก่อสร้าง อาคาร ร้าน อาหารใน ที่ดินพิพาท มา ก่อน โจทก์ มิได้ ดำเนินการ แต่อย่างใด แสดง ว่า โจทก์มิได้ เข้า ทำประโยชน์ ใน ที่ดินพิพาท คดี ย่อม ไม่มี เหตุผล เพียงพอและ จำเป็น ที่ จะ คุ้มครอง ประโยชน์ ของ โจทก์ ไว้ ชั่วคราว ก่อน พิพากษาจึง มี คำสั่ง ให้ยก คำร้อง
โจทก์ ทั้ง หก อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัย ว่า โจทก์ ทั้ง หก ฟ้อง อ้างว่า จำเลย รบกวนการ ครอบครอง ด้วย การ ยื่น คำคัดค้าน ขอ รังวัด ออก โฉนด ที่ดินพิพาททำให้ โจทก์ ทั้ง หก ได้รับ ความเสียหาย ไม่ได้ รับ การ ออก โฉนด ที่ดินสำหรับ ที่ดินพิพาท ส่วน คำร้องขอ งโจทก์ ทั้ง หก ที่ ขอให้ ศาล ห้าม จำเลยชั่วคราว ก่อน พิพากษา มิให้ จำเลย เข้า ไป ไถ ที่ดิน และ ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง ใน ที่ดินพิพาท เป็น คำร้องขอ ที่ ไม่ ตรง กับ การกระทำที่ โจทก์ ทั้ง หก ฟ้อง จำเลย ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254(2) โจทก์ จึง ไม่อาจ ที่ จะ ขอให้ คุ้มครอง ดังกล่าว ได้พิพากษายืน
โจทก์ ทั้ง หก ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “มี ปัญหา วินิจฉัย ว่า มีเหตุ สมควร และ เพียงพอที่ จะ นำ วิธีการ ชั่วคราว ก่อน พิพากษา มา ใช้ ตาม คำขอ ของ โจทก์ หรือไม่เห็นว่า คดี นี้ แม้ ตาม คำฟ้อง จะ อ้าง เพียง ว่า จำเลย เข้า เกี่ยวข้อง กับที่ดินพิพาท ซึ่ง เป็น ของ โจทก์ ทั้ง หก กับพวก ด้วย การ ยื่น คำคัดค้านขอ รังวัด ออก โฉนด ที่ดินพิพาท ขอให้ห้าม จำเลย เข้า เกี่ยวข้อง และรบกวน การ ครอบครอง ที่ดินพิพาท ก็ ตาม แต่เมื่อ จำเลย ให้การ ต่อสู้ ว่าจำเลย เป็น ผู้มีสิทธิ ครอบครอง เหนือ ที่ดินพิพาท คดี จึง มี ประเด็นพิพาท กัน ว่า ฝ่ายใด เป็น ผู้มีสิทธิ ครอบครอง ใน ที่ดินพิพาท ซึ่งคดี อยู่ ใน ระหว่าง พิจารณา โดย ยัง ไม่มี คำวินิจฉัย ชี้ขาด ใน ประเด็นดังกล่าว การ ที่ จำเลย ยินยอม ให้ ผู้มีชื่อ เช่า ที่ดินพิพาท ส่วน หนึ่งด้าน ทิศตะวันตก เนื้อที่ 1 ไร่ ปลูกสร้าง อาคาร ร้านค้า วัสดุ ก่อสร้างภายหลัง ยื่นฟ้อง แล้ว อันเป็น การกระทำ ขึ้น ใหม่ ซึ่ง อาจ ก่อ ให้ เกิดความเสียหาย แก่ โจทก์ ทั้ง หก ได้ หาก ศาล พิพากษา ให้ โจทก์ ทั้ง หก เป็นฝ่าย ชนะคดี จึง ไม่มี เหตุสมควร ที่ จะ ให้ จำเลย และ บริวาร เข้า ไป ปลูกสร้าง อาคาร ใน ที่ดินพิพาท ก่อน คดีถึงที่สุด กรณี มีเหตุ สมควร และเพียงพอ ที่ จะ นำ วิธี คุ้มครอง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254(2) ตาม คำขอ ของ โจทก์ มา ใช้ ที่ ศาลล่าง ทั้ง สอง ยกคำร้องของ โจทก์ ศาลฎีกา ไม่เห็น พ้อง ด้วย ฎีกา ของ โจทก์ ทั้ง หก ฟังขึ้น
พิพากษากลับ เป็น ว่า ห้าม จำเลย และ บริวาร เข้า ไป ดำเนินการ ใด ๆต่อไป ใน ที่ดินพิพาท จนกว่า คดีถึงที่สุด