แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาลว่า จำเลยยอมให้โจทก์จดทะเบียนสิทธิการจำยอมเป็นถนนผ่านที่ดินจำเลย โดยโจทก์ต้องทำถนนให้เสร็จภายในเวลา 2 นับแต่วันที่ได้จดทะเบียนสิทธิภารจำยอม ถ้าไม่ทำจนพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวถือว่าสัญญาประนีประนอมยอมความยกเลิกไป และโจทก์จะต้องไปจดทะเบียนถอนภารจำยอมออกจากที่ดินดังกล่าว เมื่อต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่า โจทก์มิได้ทำถนนภายในกำหนดเวลาตามสัญญาศาลสอบถามโจทก์ โจทก์ยืนยันว่าได้ทำถนนภายในกำหนดเวลาตามสัญญาแล้ว ศาลจึงดำเนินการไต่สวนและเดินเผชิญสืบตรวจดูสถานที่ ได้ความว่า โจทก์ไม่ได้ทำถนนแต่อย่างใดเลยโจทก์กลับมายกข้ออ้างขึ้นใหม่ภายหลังที่เดินเผชิญสืบเสร็จการไต่สวนแล้วว่ามีบันทึกซึ่งจำเลยที่ 3 ทำขึ้นนอกศาลตกลงขยายเวลาทำถนนให้โจทก์ ซึ่งขัดกันที่โจทก์แถลงไว้เดิม จึงรับฟังไม่ได้ ศาลบังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนเพิกถอนภารจำยอมออกจากโฉนดที่ดินของจำเลย
ย่อยาว
ในชั้นบังคับคดีนี้ สืบเนื่องมาจากโจทก์กับจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความในชั้นศาลฎีกา และศาลฎีกามีคำพิพากษาให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว ข้อตกลงมีว่าจำเลยให้โจทก์จดทะเบียนสิทธิภารจำยอมในที่ดินมีโฉนดของจำเลยเป็นถนนกว้างสามเมตรยาวตลอดที่ดินของจำเลยจดเขตที่ดินโจทก์ โดยจะไปจดทะเบียนภารจำยอมภายใน ๑ เดือนนับแต่วันที่ศาลฎีกาพิพากษาตามยอม และนับแต่วันที่ได้จดทะเบียนแล้ว จำเลยจะต้องรื้อถอนบ้านเรือนและสิ่งกีดขวางแนวถนนให้เสร็จภายใน ๑ เดือน โจทก์ต้องจัดการทำถนนรถกว้างสามเมตรยาวเป็นเส้นตรงจดที่ดินของโจทก์ให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยใช้ประโยชน์ได้ ภายใน ๒ ปี หากพ้นกำหนดดังกล่าวโจทก์ไม่จัดการ ให้ถือว่าสัญญาประนีประนอมยอมความนี้ยกเลิกเพิกถอนไป โจทก์จะต้องไปจดทะเบียนถอนภารจำยอมดังกล่าว
ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยจดทะเบียนสิทธิภารจำยอมให้โจทก์และรื้อถอนบ้านเรือนสิ่งกีดขวางเสร็จสิ้นแล้ว แต่โจทก์ไม่จัดการทำถนนภายในเวลากำหนด เป็นการผิดสัญญา ขอศาลบังคับโจทก์ไปจดทะเบียนถอนภารจำยอม
วันนัดพร้อม จำเลยแถลงว่าได้ปฏิบัติครบถ้วนตามสัญญาแล้ว โจทก์แถลงว่าได้ปฏิบัติตามสัญญาโดยทำถนนเสร็จภายในกำหนดเวลา ในวันนัดพร้อมศาลชั้นต้นได้ไปเดินเผชิญสืบตรวจดูบริเวณที่โจทก์จำเลยรับกันว่าเป็นที่ดินตรงที่จดทะเบียนเป็นภารจำยอม ปรากฏว่าไม่มีรูปรอยถนนที่ทำขึ้นดังที่โจทก์อ้างแต่อย่างใด ศาลชั้นต้นนัดฟังคำสั่ง
ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่ง โจทก์ยื่นคำแถลงว่า ก่อนครบกำหนดตามสัญญา จำเลยที่ ๓ ทำบันทึกขอผัดรื้อถอนบ้านเรือนพร้อมทั้งตกลงขยายเวลาทำถนนเป็น ๒ ปีนับจากการรื้อถอน ปรากฏตามบันทึกที่ส่งศาลพร้อมกับคำแถลง จำเลยรื้อบ้านเรือนสิ่งกีดขวางล่วงเลยวันจดทะเบียนภารจำยอมถึง ๑ ปี ๙ เดือน กำหนดเวลาที่โจทก์ต้องทำถนนให้เสร็จจึงต้องเป็นไปตามข้อตกลงใหม่คือ ๒ ปี จากการรื้อถอนบ้านเรือนและสิ่งกีดขวางเสร็จ โจทก์ยังไม่ผิดสัญญา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ไปจดทะเบียนเพิกถอนภารจำยอมออกจากโฉนดที่ดินของจำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติถึงที่สุดว่า โจทก์จำเลยไปจดทะเบียนเป็นภารจำยอมตั้งแต่เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๑๗ ล่วงเลยกำหนดระยะเวลา ๒ ปีแล้ว โจทก์ไม่ได้ทำถนนตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งตามข้อสัญญาต้องถือว่า สัญญาประนีประนอมยอมความเป็นอันยกเลิกเพิกถอน โจทก์มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมที่ให้ไปจดทะเบียนถอนภารจำยอมออกจากที่ดินของจำเลย โจทก์ฎีกาอ้างว่ามีตกลงใหม่เป็นบันทึกซึ่งจำเลยที่ ๓ ทำขึ้นนอกศาลขยายระยะเวลาทำถนนให้นั้น ปรากฏว่าในการพิจารณาคำร้องของจำเลยทั้งสี่ที่ขอให้บังคับโจทก์ไปจดทะเบียนถอนภารจำยอม ศาลชั้นต้นสอบถามโจทก์และจำเลยต่างก็ถือตามความผูกพันกันจากสัญญาโดยเคร่งครัด โจทก์ได้แถลงอย่างชัดแจ้งว่าโจทก์ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้วโดยทำถนนกว้าง ๓ เมตร เสร็จตั้งแต่เดือนสิหาคม ๒๕๑๙ อันเป็นระยะเวลาก่อนครบ ๒ ปีนับแต่วันจดทะเบียนภารจำยอม ซึ่งเป็นประเด็นการไต่สวนในชั้นบังคับคดี ศาลชั้นต้นไปเดินเผชิญสืบตรวจดูสถานที่เป็นการไต่สวนตามข้อโต้เถียงที่โจทก์อ้างว่าปฏิบัติถูกต้องตามสัญญาเรื่องทำถนนครั้งได้ข้อเท็จจริงว่าโจทก์ไม่ได้ทำถนน โจทก์กลับมายกข้ออ้างขึ้นมาใหม่ภายหลังที่เดินเผชิญสืบเสร็จการไต่สวนแล้วว่ามีบันทึกซึ่งจำเลยที่ ๓ ทำขึ้นนอกศาลก่อนที่จำเลยจะมาร้องขอให้บังคับคดี ตกลงขยายเวลาทำถนนให้จะครบในเดือนมิถุนายน ๒๕๒๑ ซึ่งขัดกันที่โจทก์แถลงไว้เดิมจึงรับฟังไม่ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน.