คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2639/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทเพียงข้อเดียวว่า จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ เพียงใด โดยกำหนดให้โจทก์นำสืบก่อน ก่อนสืบพยานโจทก์คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้เอาประกันภัยรถยนต์พิพาทไว้แก่จำเลยตามกรมธรรม์ประกันภัยท้ายคำแถลงของจำเลย และผู้ขับรถที่เอาประกันภัยไม่ได้ต่ออายุใบอนุญาตขับรถยนต์เกินกว่า 180 วัน และขอให้วินิจฉัยชี้ขาดในปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเข้าข้อยกเว้นตามกรมธรรม์ประกันภัยข้อ 1.10 และ 3.9.2 เป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ โจทก์และจำเลยแถลงไม่สืบพยาน ศาลชั้นต้นจึงได้นัดฟังคำพิพากษา ดังนี้ กรณีจึงถือได้ว่า โจทก์และจำเลยได้สละข้อต่อสู้อื่น ๆ แล้ว ทั้งตามคำให้การของจำเลย จำเลยก็มิได้อ้างเหตุว่า ผู้ขับรถที่เอาประกันภัยไว้เป็นฝ่ายประมาท ดังนั้นข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ขับรถที่เอาประกันภัยไว้ไม่ได้ขับรถโดยประมาทนั้น กรณีจึงเป็นไปตามคำฟ้องของโจทก์ การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้น จึงเป็นการชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้วและหาใช่เป็นการวินิจฉัยเกินไปหรือนอกเหนือจากคำฟ้องไม่ ตามตารางกรมธรรม์ ข้อ 1.10 มีข้อความว่า “บริษัทอาจจะไม่รับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์นี้ เว้นแต่ผู้เอาประกันภัยได้ปฏิบัติถูกต้องตามสัญญาประกันภัย และเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์นี้”ซึ่งมีความหมายรวมถึงเงื่อนไขตามข้อกำหนดของสัญญาทุก ๆ ข้อและรวมถึง ข้อ 3.9 ตอนท้ายด้วย และข้อ 3.9.2 มีข้อความว่า”การขับขี่โดยบุคคลที่ไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ใด ๆ หรือเคยได้รับแต่ขาดต่ออายุเกิน 180 วัน ฯลฯ ในเวลาเกิดอุบัติเหตุ”และตอนท้ายของข้อ 3.9 มีข้อความว่า “การยกเว้นตามข้อ 3.9จะไม่นำมาใช้ในกรณีที่ความเสียหายต่อรถยนต์ที่เกิดขึ้นและมิใช่ความประมาทของผู้ขับขี่รถยนต์ที่เอาประกันภัยตามกรมธรรม์นี้”ดังนี้ เมื่อผู้ขับรถที่เอาประกันภัยไว้แม้จะขาดต่ออายุใบอนุญาตขับรถยนต์เกิน 180 แต่กรณีที่ความเสียหายต่อรถยนต์ที่เกิดขึ้นและมิใช่เป็นความประมาทของผู้ขับ จำเลยจึงต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัยซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์ ตามตารางกรมธรรม์ข้อ 1.10 ต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์ซึ่งได้เอาประกันภัยไว้แก่จำเลย ซึ่งได้เอาประกันภัยไว้แก่จำเลยระหว่างระยะเวลาประกันภัยรถยนต์โจทก์เกิดอุบัติเหตุชนกับรถยนต์หมายเลขทะเบียน 80-6646นนทบุรี เป็นเหตุให้รถยนต์โจทก์ได้รับความเสียหาย พนักงานจำเลยนำรถยนต์โจทก์ไปซ่อมที่อู่ในราคาค่าซ่อม 200,000 บาท แต่จำเลยไม่ยอมชำระค่าซ่อม โจทก์ชำระไปเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2537 แล้วจำเลยต้องรับผิดชำระเงินจำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่โจทก์ชำระเงินจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 9,917.60 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน209,917.60 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 200,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยรับประกันภัยรถยนต์โจทก์จริงแต่ไม่ต้องรับผิด เนื่องจากนายคำภา พันวงษา ผู้ขับรถไม่ได้ต่ออายุใบอนุญาตขับรถยนต์เกินกว่า 180 วัน อันเป็นการผิดสัญญาตามกรมธรรม์ประกันภัย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินโจทก์จำนวน 200,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2537ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องมิให้เกิน 9,917.60 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่าศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทเพียงข้อเดียวว่า จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ เพียงใด โดยกำหนดให้โจทก์นำสืบก่อน ก่อนสืบพยานโจทก์คู่ความแถลงรับฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้เอาประกันภัยรถยนต์พิพาทไว้แก่จำเลย ตามกรมธรรม์ประกันภัยท้ายคำแถลงจำเลย ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2537 และผู้ขับรถที่เอาประกันภัยไม่ได้ต่ออายุใบอนุญาตขับรถยนต์เกินกว่า 180 วันขอให้วินิจฉัยชี้ขาดในปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเข้าข้อยกเว้นตามกรมธรรม์ประกันภัยข้อ 1.10 และ 3.9.2 เป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่โจทก์และจำเลยแถลงไม่สืบพยานจำเลยฎีกาว่า การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่าผู้ขับรถที่เอาประกันภัยไว้ไม่ได้ขับรถโดยประมาท เพราะความประมาทหรือไม่ มิได้เป็นประเด็นแห่งคดี จึงเป็นการพิพากษานอกเหนือจากที่ปรากฏในคำฟ้อง เป็นการไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าในขณะที่คู่ความได้แถลงรับข้อเท็จจริงกันดังกล่าวข้างต้นในวันที่19 มิถุนายน 2538 แล้วต่างแถลงไม่ติดใจสืบพยานอื่นอีกต่อไปนั้นศาลชั้นต้นจึงได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 4 กรกฎาคม 2538 ดังนี้กรณีจึงถือได้ว่าโจทก์และจำเลยได้สละข้อต่อสู้อื่น ๆ แล้ว คงเหลือแต่เพียงให้ศาลวินิจฉัยข้อกฎหมายตามตารางกรมธรรม์เอกสารหมายล.1 ข้อ 1.10 และ ข้อ 3.9.2 ว่าเป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ ทั้งตามคำให้การของจำเลย จำเลยก็มิได้อ้างเหตุว่า ผู้ขับรถที่เอาประกันภัยไว้เป็นฝ่ายประมาท และจำเลยก็มิได้แถลงโต้แย้งคัดค้านไว้อีกด้วย หลังจากที่ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาในวันที่ 19 มิถุนายน 2538 ดังนั้น ข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ขับรถที่เอาประกันภัยไว้ไม่ได้ขับรถโดยประมาทนั้น กรณีจึงเป็นไปตามคำฟ้องของโจทก์ การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2รับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้น จึงเป็นการชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้วและหาใช่เป็นการวินิจฉัยเกินไปหรือนอกจากคำฟ้องไม่ อนึ่งเมื่อตามตารางกรมธรรม์เอกสารหมาย ล.1 ข้อ 1.10 มีข้อความว่า “บริษัทอาจจะไม่รับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์นี้ เว้นแต่ผู้เอาประกันภัยได้ปฏิบัติถูกต้องตามสัญญาประกันภัย และเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์นี้” ซึ่งมีความหมายรวมถึงเงื่อนไขตามข้อกำหนดของสัญญาทุก ๆ ข้อ และรวมถึง ข้อ 3.9 ตอนท้ายด้วย และข้อ 3.9.2 มีข้อความว่า “การขับขี่โดยบุคคลที่ไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ใด ๆ หรือเคยได้รับแต่ขาดต่ออายุเกิน 180 วัน ฯลฯ ในเวลาเกิดอุบัติเหตุ” และตอนท้ายของข้อ 3.9 มีข้อความว่า “การยกเว้นตามข้อ 3.9 จะไม่นำมาใช้ในกรณีที่ความเสียหายต่อรถยนต์ที่เกิดขึ้นและมิใช่ความประมาทของผู้ขับขี่รถยนต์ที่เอาประกันภัยตามกรมธรรม์นี้” ดังนี้ เมื่อผู้ขับรถที่เอาประกันภัยไว้และขาดต่ออายุใบอนุญาตขับรถยนต์เกิน 180 วัน แต่กรณีที่ความเสียหายต่อรถยนต์ที่เกิดขึ้นและมิใช่เป็นความประมาทของผู้ขับ ดังนั้นจำเลยจึงต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัยซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์ ตามตารางกรมธรรม์เอกสารหมาย ล.1 ข้อ 1.10 ต่อโจทก์
พิพากษายืน

Share