คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2609/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินทรัพย์มรดกแปลงหนึ่งผู้คัดค้านมีชื่อถือกรรมสิทธิ์รวมที่ผู้คัดค้านอ้างว่าเคยอยู่กินฉันสามีภรรยากับผู้ตายนั้น ก็มีแต่คำเบิกความลอย ๆ ของผู้คัดค้านเท่านั้น ผู้ร้องเองก็เบิกความว่าผู้คัดค้านไม่เคยมาอยู่กับผู้ตายและไม่เคยมาพักที่บ้านผู้ตายเลยจึงเป็นการยากที่จะรับฟังว่า ผู้คัดค้านมีความผูกพันกับผู้ตายถึงขั้นสมควรจะเข้าไปร่วมดูแลจัดการทรัพย์มรดกผู้ตาย อีกทั้งได้ความจากคำเบิกความของผู้คัดค้านว่า ที่ผู้คัดค้านต้องการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายนั้นก็เพื่อป้องกันมิให้ทรัพย์สินที่ผู้คัดค้านมีส่วนร่วมอยู่ด้วยเกิดความเสียหายจากการจัดการมรดกของฝ่ายผู้ร้อง อันเป็นเจตนาที่มุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตน หาใช่กระทำเพื่อความชอบธรรมและประโยชน์ของทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตายโดยตรงไม่ กรณีเช่นนี้ถ้าผู้คัดค้านซึ่งมิใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตายมีส่วนในทรัพย์มรดกของผู้ตายในฐานะเจ้าของรวมอย่างไรก็ชอบจะเรียกร้องเอาได้โดยไม่จำต้องมีฐานะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายอยู่แล้ว จึงให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายแต่เพียงผู้เดียว

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นบุตรของนางสุณี ไชยวงศรีกับจ่าสิบเอกสัญญา แก้ววิโรจน์ นางสุณีตายด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ชน มีทรัพย์มรดกคือที่ดินและทรัพย์สินอื่น ผู้ร้องมีเหตุขัดข้องในการรับมรดก ผู้ร้องเป็นผู้เยาว์ ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งจ่าสิบเอกสัญญาบิดาและเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมเป็นผู้จัดการมรดก
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้คัดค้านได้อยู่กินกับผู้ตายฉันสามีภริยาตั้งแต่ปี 2527 ระหว่างอยู่กินด้วยกันได้ร่วมกันซื้อทรัพย์สินไว้หลายรายการ จ่าสิบเอกสัญญาไม่มีส่วนได้เสียไม่เหมาะสมจะเป็นผู้จัดการมรดก ขอให้ศาลตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จ่าสิบเอกสัญญา แก้ววิโรจน์ เป็นผู้จัดการมรดกของนางสุณี ไชยวงศรี ผู้ตาย โดยให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ส่วนคำร้องคัดค้านให้ยก
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า มีคำสั่งให้พันตำรวจโทไชยยงค์นานาสวัสดิ์ ผู้คัดค้านร่วมเป็นผู้จัดการมรดกของนางสุณีไชยวงศรี ผู้ตาย โดยให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้คัดค้านอ้างว่าตนได้อยู่กินกับผู้ตายฉันสามีภริยามาตั้งแต่ พ.ศ. 2527 นั้น คงมีแต่คำเบิกความลอย ๆของผู้คัดค้านเท่านั้น ทั้งผู้ร้องก็เบิกความยืนยันว่า ผู้คัดค้านไม่เคยมาอยู่กับผู้ตายและไม่เคยมาพักที่บ้านผู้ตายเลย เป็นการยากที่จะรับฟังว่า ผู้คัดค้านมีความผูกพันกับผู้ตายถึงขั้นที่สมควรจะเข้าไปร่วมดูแลจัดการทรัพย์มรดกของผู้ตาย และได้ความจากคำเบิกความของผู้คัดค้านว่า ที่ผู้คัดค้านต้องการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายนั้นก็เพื่อป้องกันมิให้ทรัพย์สินที่ผู้คัดค้านมีส่วนร่วมอยู่ด้วยเกิดความเสียหายจากการจัดการมรดกโดยจ่าสิบเอกสัญญา อันเป็นเจตนาที่มุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตน หาใช่กระทำเพื่อความชอบธรรมและประโยชน์ของทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตายโดยตรงไม่ ซึ่งกรณีเช่นนี้ถ้าผู้คัดค้านซึ่งมิใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตายมีส่วนในทรัพย์มรดกของผู้ตายในฐานะเจ้าของรวมอย่างไรก็ชอบที่จะเรียกร้องเอาได้โดยไม่จำต้องมีฐานะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายอยู่แล้ว
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จ่าสิบเอกสัญญา แก้ววิโรจน์ เป็นผู้จัดการมรดกของนางสุณี ไชยวงศรีหรือไชยวงษ์ศรีหรือแก้ววิโรจน์ผู้ตายแต่เพียงผู้ตาย โดยให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share