แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลย (ภริยา) หลบหนี้สินไปอยู่ที่อื่นโดยโจทก์ (สามี) ยินยอมทั้งจำเลยเป็นฝ่ายเลี้ยงดูบุตรตลอดมา และระหว่างนั้นจำเลยไปหาโจทก์ก็ถูกภริยาใหม่ของโจทก์ไล่กลับนั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์อันเป็นเหตุฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1500(3)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยามาตั้งแต่ พ.ศ. 2497จดทะเบียนสมรสกันเมื่อเดือนกรกฎาคม 2508 ต่อมาเมื่อเดือนธันวาคมปีเดียวกันจำเลยได้จงใจละทิ้งโจทก์ไปอยู่ที่อื่นเป็นเวลาสิบกว่าปี โดยมีเจตนาแยกทางกับโจทก์ ฯลฯ ขอให้พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้จงใจทิ้งร้างโจทก์ โจทก์เองเป็นฝ่ายละทิ้งร้างจำเลย และทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเป็นสามีภริยากับจำเลยโดยมีภริยาใหม่ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เหตุที่โจทก์จำเลยแยกกันอยู่ก็โดยโจทก์ยินยอมให้จำเลยแยกไปเพื่อหลบหนี้สินซึ่งจำเลยก่อไว้ จำเลยเป็นฝ่ายเลี้ยงดูบุตรตลอดมาและระหว่างนั้น จำเลยไปหาโจทก์ก็ถูกภริยาใหม่ของโจทก์ไล่กลับ และวินิจฉัยว่าการที่จำเลยหลบหนี้สินไปอยู่ที่อื่น โดยโจทก์ยินยอมดังกล่าวแล้วเช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์
พิพากษายืน