คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3332/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย3 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นจำคุกจำเลย 8 เดือน จำเลยถูกคุมขังพอแก่โทษ ศาลชั้นต้นให้ปล่อยตัวไป แม้โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา แต่ไม่ปรากฏว่าศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาแล้วจึงยังไม่มีโทษจำคุกที่จะนับต่อไป ศาลจึงไม่อาจนับโทษต่อให้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา279 วรรคสอง, 284, 91 และนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6503/2528 ของศาลชั้นต้น จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคสอง,284, 91 วางโทษตามมาตรา 284 จำคุก 4 ปี วางโทษตามมาตรา 279 วรรคสองจำคุก 4 ปี รวมจำคุก 8 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 4 ปี ส่วนคำขอให้นับโทษต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่6503/2528 ของศาลชั้นต้นให้ยกเสียเพราะคดีดังกล่าวจำเลยได้รับการปล่อยตัวไปแล้ว โจทก์อุทธรณ์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6503/2528 ของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาในชั้นนี้ตามฎีกาของโจทก์เพียงว่า ศาลจะพิพากษาให้นับโทษจำคุกของจำเลยต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6503/2528 ของศาลชั้นต้นได้หรือไม่ข้อเท็จจริงได้ความว่าคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6503/2528 ของศาลชั้นต้นนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปี 4 เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้จำคุกจำเลย 8 เดือน จำเลยต้องขังพอแก่โทษคดีดังกล่าวแล้ว ศาลชั้นต้นจึงออกหมายปล่อยตัวจำเลยไป โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น พิเคราะห์แล้วศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อปรากฏว่าจำเลยพ้นโทษในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อไปแล้ว แม้โจทก์จะได้ยื่นฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาก็ตามแต่ไม่ปรากฏในสำนวนว่าศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาแล้ว จึงยังไม่มีโทษจำคุกในคดีดังกล่าวที่จะนับต่อให้ ศาลจึงไม่อาจนับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6503/2528 ของศาลชั้นต้นได้ศาลล่างทั้งสองพิพากษามาชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share