คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1972/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย 2 กระทงความผิด ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยกระทำเพียงกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทและให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียว เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี คดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยกับพวกบุกรุกขึ้นไปบนทับซึ่งเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายโดยมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย และได้ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อขู่เข็ญให้ผู้เสียหายกับพวกเกิดความกลัวจนผู้เสียหายกับพวกลงจากทับหนีเข้าไปในป่า แสดงว่าจำเลยกับพวกบุกรุกขึ้นไปบนทับของผู้เสียหายก็เพื่อขับไล่ผู้เสียหายให้ออกไปจากทับ เมื่อผู้เสียหายยังไม่ยอมออกไปจึงยิงปืนขู่เข็ญให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวจนผู้เสียหายออกไปจากทับเข้าไปในป่าการกระทำของจำเลยต่อเนื่องกันโดยมีเจตนาประการเดียวคือเพื่อขับไล่ผู้เสียหายกับพวกให้ออกไปจากทับ จึงเป็นการกระทำเพียงกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายโดยมีอาวุธปืนติดตัว และร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงขู่เข็ญขับไล่ผู้เสียหายให้ออกไปจากบ้านจนทำให้ผู้เสียหายเกิดความตกใจกลัว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364, 365, 392, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ฐานบุกรุกเคหสถานโดยมีอาวุธปืน จำคุก 2 ปี ฐานทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวจำคุก 15 วัน รวมจำคุก 2 ปี 15 วัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365, 392 ประกอบด้วยมาตรา 83 เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 365 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา90 ให้จำคุก 2 ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานบุกรุกเคหสถานโดยมีอาวุธปืน และฐานทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวเป็น 2 กระทงความผิด ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยกระทำความผิดกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท และให้ลงโทษฐานบุกรุกเคหสถานโดยมีอาวุธปืนซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียวเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปีคดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 คงมีปัญหาเฉพาะข้อกฎหมายเพียงว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามโจทก์ฟ้องหรือไม่ ซึ่งในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้น ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้แล้วว่าจำเลยกับพวกได้บุกรุกขึ้นไปบนทับซึ่งเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายโดยมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย และจำเลยกับนายเหวาได้ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อขู่เข็ญให้ผู้เสียหายกับพวกเกิดความกลัวจนผู้เสียหายกับพวกกลัวลงจากทับหนีเข้าไปในป่าศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยแสดงให้เห็นว่าจำเลยกับพวกบุกรุกขึ้นไปบนทับของผู้เสียหายก็เพื่อขับไล่ผู้เสียหายให้ออกไปจากทับ เมื่อผู้เสียหายยังไม่ยอมออกไปจึงยิงปืนขู่เข็ญให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวจนผู้เสียหายออกไปจากทับเข้าไปในป่า การกระทำของจำเลยต่อเนื่องกันโดยมีเจตนาเพียงประการเดียวคือเพื่อขับไล่ผู้เสียหายกับพวกให้ออกไปจากทับ จึงเป็นการกระทำเพียงกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
พิพากษายืน.

Share