แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ป. ตกลงว่าจ้าง ส. ซ่อมรถยนต์คิดเป็นเงิน 12,500 บาทในระหว่างกำลังซ่อม จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของ ส. ได้หลอกลวง ป.ให้หลงเชื่อว่าทางอู่ของ ส. ให้จำเลยมาขอรับเงิน 5,000 บาทเพื่อไปซื้อเครื่องอะไหล่ในการซ่อมรถป. จึงมอบเงินให้จำเลยไปเมื่อ ป. นำเงินค่าซ่อมอีก 7,500 บาทไปชำระให้ ส. จึงรู้ว่า ส.ไม่ได้ใช้จำเลยไปเอาเงิน ดังนี้ ถือได้ว่า ป. ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยแล้ว จึงมีอำนาจร้องทุกข์ได้ ถึงแม้ ส.จะรับเงินค่าซ่อมอีกเพียง 7,500 บาทไว้จาก ป. และมอบรถให้ป. ไปแล้วก็ตามเป็นเรื่องระหว่าง ป. กับ ส. ไม่เกี่ยวกับจำเลยและเงินที่จำเลยรับไป ไม่ทำให้ ป. ผู้ถูกหลอกลวงพ้นจากการเป็นผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ พันโทประวิทย์ วิสุทธิเสน ผู้เสียหายได้ตกลงว่าจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. เพชรบุรีมอเตอร์ซ่อมรถยนต์ ๒ คันเป็นเงิน ๑๒,๕๐๐ บาท วันเกิดเหตุจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของห้างหุ้นส่วนดังกล่าว บังอาจกระทำทุจริต หลอกลวงพันโทประวิทย์ วิสุทธิเสน ว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.เพชรบุรีมอเตอร์ ต้องการเงินสดเพื่อไปซื้อเครื่องอะไหล่เกี่ยวกับการซ่อม ๕,๐๐๐ บาท ซึ่งความจริงห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวมิได้สั่งให้จำเลยมาเอาเงินจำนวนนั้น พันโทประวิทย์หลงเชื่อได้มอบเงิน๕,๐๐๐ บาทให้จำเลยไป จำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาแล้ว ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๙๒
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่ข้อเคยต้องโทษและพ้นโทษรับว่าเป็นความจริงตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๑ ให้จำคุก ๑ เดือน เพิ่มโทษจำเลยอีก ๑ ใน ๓ ตามมาตรา ๙๒คงจำคุก ๔๐ วัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พันโทประวิทย์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจร้องทุกข์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยได้หลอกลวงพันโทประวิทย์ให้หลงเชื่อว่าทางอู่ ส.เพชรบุรีมอเตอร์ให้จำเลยมาขอรับเงิน ๕,๐๐๐ บาท เพื่อไปซื้อเครื่องอะไหล่ในการซ่อมรถ พันโทประวิทย์จึงมอบเงินให้จำเลยไปจริงครั้นถึงกำหนดวันซ่อมรถเสร็จ พันโทประวิทย์ไปเอารถและนำเงินอีก๗,๕๐๐ บาทไปชำระให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.เพชรบุรีมอเตอร์ จึงรู้ว่านายอรัญผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวไม่ได้ใช้ให้จำเลยไปเอาเงินพันโทประวิทย์และนายอรัญจึงไปร้องทุกข์การกระทำของจำเลยเป็นการฉ้อโกงพันโทประวิทย์โดยตรง ถือได้ว่าพันโทประวิทย์ได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่จำเลยกระทำผิดฐานฉ้อโกงแล้ว จึงมีอำนาจร้องทุกข์ได้แม้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.เพชรบุรีมอเตอร์จะรับเงิน ๗,๕๐๐ บาทไว้และมอบรถให้พันโทประวิทย์กับห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.เพชรบุรีมอเตอร์ ไม่เกี่ยวกับจำเลย และเงินที่จำเลยรับไปจากพันโทประวิทย์จะถือว่าเป็นเงินส่วนหนึ่งของการชำระหนี้ให้แก่อู่ ส.เพชรบุรีมอเตอร์ หาได้ไม่ และไม่ทำให้พันโทประวิทย์ผู้ถูกหลอกลวงพ้นจากการเป็นผู้เสียหาย จำเลยจึงต้องมีความผิดตามฟ้องโจทก์
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น