คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกระทำความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 นั้น ไม่จำต้องกระทำโดยบุคคลเพียงคนหนึ่งคนเดียว แต่บุคคลหลายคนอาจสมคบร่วมกระทำผิดด้วยกันได้
โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยสมคบกับพวกออกเช็คไม่มีเงินจำเลยเป็นผู้กรอกรายการต่างๆ ในเช็คนั้น และระบุชื่อผู้สั่งจ่ายเช็คนั้นมาในฟ้องด้วย เช่นนี้ศาลอาญาก็ชอบที่จะต้องรับประทับฟ้องของโจทก์ดังกล่าวนี้ไว้พิจารณาต่อไป

ย่อยาว

ศาลแขวงพระนครใต้ไต่สวนมูลฟ้องแล้วโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาว่าจำเลยทำผิดหลายกระทง ศาลอาญาสั่งประทับฟ้องในกระทงความผิดอื่น ๆ ส่วนกระทงความผิดที่ศาลอาญาสั่งไม่ประทับฟ้องและมีปัญหามาสู่ศาลฎีกา คือตามฟ้อง ข้อ 1 ค. ที่ว่าจำเลยกับพวกบังอาจร่วมกันออกเช็คซึ่งไม่มีเงินตามเช็ค โดยจำเลยเป็นผู้กรอกรายการต่าง ๆ ในเช็คนั้น นายเตียฮั้วมิ้งเป็นผู้สั่งจ่าย นายหยกฮั้วเซ็นชื่อรับรองสลักหลังเช็ค ขอให้ลงโทษ

ศาลอาญาสั่งไม่รับฟ้อง อ้างเหตุว่า ความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คตามที่โจทก์อ้างมาท้ายฟ้องนั้นเกิดขึ้นได้เฉพาะแต่ผู้ออกเช็คเท่านั้น ผู้กรอกข้อความในเช็คถ้าไม่ใช่ผู้ออกเช็คก็ยังไม่มีความผิด แต่คำบรรยายฟ้องแสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยหาใช่ผู้ออกเช็คนั้นไม่ จึงไม่ประทับฟ้องไว้พิจารณา

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คตามบทมาตราที่โจทก์อ้าง (คือ พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3) ไม่จำต้องกระทำโดยบุคคลเพียงคนหนึ่งคนเดียว แต่บุคคลหลายคนอาจสมคบร่วมกระทำผิดด้วยกันได้

พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ สั่งให้ศาลอาญารับประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป

Share