คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินและเรือนพิพาท จำเลยฎีกา คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลฎีกา คู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยไม่ขอถือเอาผลของคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองมาใช้บังคับต่อไป และศาลฎีกาได้พิพากษาไปตามยอมแล้ว ดังนี้ คำพิพากษาของศาลล่างย่อมระงับไปโดยผลของคำพิพากษาศาลฎีกา นิติกรรมการซื้อขายจึงมิได้ถูกเพิกถอนแต่อย่างใด ในเบื้องต้นจึงต้องฟังว่า เรือนพิพาทยังเป็นของผู้ซื้อตามสัญญาซื้อขาย เมื่อผู้ซื้อถึงแก่กรรมทายาทของผู้ซื้อจึงมีสิทธิในเรือนนั้น

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์นำยึดเรือนเลขที่ ๑๘๒ อ้างว่าเป็นของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เรื่องที่ยึดนั้น นางอนงค์รับซื้อไว้พร้อมกับที่ดินจากหลวงศักดิ์รัตนาเขตต์สามีจำเลย ได้ทำหนังสือซื้อขายและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ต่อมานางอนงค์ตาย เรือนและที่ดินเป็นมรดกตกได้แก่ผู้ร้อง ขอให้ถอนการยึด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ถอนการยึดทรัพย์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เรือนพิพาทเดิมเป็นของหลวงศักดิ์รัตนาเขตต์สามีจำเลย หลวงศักดิ์รัตนาเขตต์ได้ขายที่ดินและเรือนให้แก่นางอนงค์ ต่อมาหลวงศักดิ์รัตนาเขตต์ถึงแก่กรรม นางสอาดและนางสาวอำพันได้ฟ้องจำเลยและทายาทหลวงศักดิ์รัตนาเขตต์เป็นจำเลย ขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินและเรือนพิพาทระหว่างหลวงศักดิ์รัตนาเขตต์และนางอนงค์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายดังกล่าว จำเลยฎีกา คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลฎีกา โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยไม่ขอถือเอาผลของคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองมาใช้บังคับต่อไป ศาลฎีกาเห็นว่า คำพิพากษาของศาลล่างให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายยังไม่ถึงที่สุดย่อมระงับไปโดยผลของคำพิพากษาศาลฎีกา นิติกรรมการซื้อขายจึงมิได้ถูกเพิกถอนแต่อย่างใด ในเบื้องต้นจึงต้องฟังว่า เรือนพิพาทยังเป็นของนางอนงค์ผู้ซื้อตามสัญญาซื้อขาย เมื่อนางอนงค์ถึงแก่กรรม ผู้ร้องเป็นทายาทของผู้ซื้อจึงมีสิทธิในเรือนพิพาท
พิพากษายืน

Share