คำสั่งคำร้องที่ 692/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า คดีสืบเนื่องจากจำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลชั้นต้น มีคำสั่งว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ ให้จำเลยที่ 2 นำค่าขึ้นศาล มาชำระให้ครบถ้วนตามจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ มิฉะนั้นถือว่าไม่ติดใจอุทธรณ์ จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยที่ 2 ฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีเป็นการฎีกาคำสั่งยกคำสั่งของ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ซึ่งเป็นการยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ที่มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 คำสั่งดังกล่าว เป็นที่สุด แล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 จึงต้องห้ามฎีกา ให้ยกคำร้อง จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องอุทธรณ์ คำสั่งที่ไม่รับฎีกาคำสั่ง ฉบับลงวันที่ 13 ตุลาคม 2537 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้อุทธรณ์คำสั่งนำเงินค่าฤชาธรรมเนียม มาวางศาล และนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ ต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2537 ต่อมา เจ้าหน้าที่รายงานว่าจำเลยที่ 2 มิได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลภายใน ระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยก คำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่ยอมรับฎีกาคำสั่งของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 เห็นว่า ในกรณีนี้เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่ยอมรับฎีกา ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 252 มิใช่เป็นเรื่องที่ยื่น คำร้องอุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฎีกาคำสั่ง ของจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 83 แผ่นที่ 2-3) ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน จำนวน 2,312,788.45 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ของต้นเงิน 1,662,855.78 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ เจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 33,868 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 17 พฤศจิกายน 2535) จนกว่าจะชำระเสร็จโดยให้จำเลยที่ 2 รับผิดในจำนวนเงิน 1,117,525.10 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปีของต้นเงิน 816,020.96 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 416 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 3 รับผิดในจำนวนเงิน 186,177.58 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปีของต้นเงิน 136,003.48 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่า จะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 70202 ตำบลทุ่งสองห้อง(สองห้อง) อำเภอบางเขน (ตลาดขวัญ) กรุงเทพมหานครพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ดินโฉนดเลขที่ 1245,1249 ตำบลน้ำอ้อมอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาด นำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์จนครบในส่วนของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้บังคับตามสัญญาประนีประนอมยอมความลงวันที่ 20 ธันวาคม 2536 จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นคดีมีทุนทรัพย์ ให้จำเลยที่ 2 นำค่าขึ้นศาลมาชำระให้ครบถ้วนตามจำนวนทุนทรัพย์ ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์มิฉะนั้นถือว่าไม่ติดใจอุทธรณ์(อันดับ 52) จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 โดยมติที่ประชุมใหญ่มีคำสั่งว่า กรณีของจำเลยที่ 2 เป็นการอุทธรณ์คำสั่ง ไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้น ซึ่งจำเลยที่ 2 อาจอุทธรณ์คำสั่ง ศาลนั้นไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 1 โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อ ศาลชั้นต้นและนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงิน มาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนด สิบห้าวัน นับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตรา 234 ที่แก้ไขแล้ว แต่ปรากฏว่า จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าว โดยมิได้นำ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาล และนำเงินมาชำระตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้น หรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลแต่อย่างใด จึงเป็นการไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว ให้ยกคำร้อง (อันดับ 56,71) จำเลยที่ 2 ฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งว่า กรณีเป็นการ ฎีกาคำสั่งยกคำร้องของศาลอุทธรณ์ ซึ่งเป็นการยืนตามคำสั่ง ของศาลชั้นต้นที่มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 คำสั่งดังกล่าวเป็นที่สุดแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 จึงต้องห้ามฎีกาให้ยกคำร้อง (อันดับ 73) จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฎีกาคำสั่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 2 นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง มา วางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ ต่อศาล แต่จำเลยที่ 2 ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ศาลชั้นต้น จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง (อันดับ 74) จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 และศาลอุทธรณ์ภาค 1เห็นว่า ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาสั่งในเรื่องนี้ จึงให้คืนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการใหม่ให้ถูกต้องต่อไป (อันดับ 77,86)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีนี้จำเลยที่ 2 ได้ยื่นอุทธรณ์ คำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 2 นำค่าขึ้นศาลมาชำระให้ครบถ้วนตามจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกัน ในชั้นอุทธรณ์ จำเลยที่ 2 ไม่นำเงินค่าขึ้นศาลมาชำระตามคำสั่งแต่ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เห็นว่า จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น โดยมิได้นำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น หรือหาประกันให้ไว้เป็นการไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย แล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องทั้งที่ศาลชั้นต้น ยังมิได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 จึงมิใช่กรณีที่ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 อันจะเป็นที่สุดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 จำเลยที่ 2จึงมีสิทธิฎีกาได้ ให้รับฎีกาคำสั่งของจำเลยที่ 2 ไว้ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป

Share