คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1237/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเช่าที่ดินปลูกอาคารโดยจำเลยและบุตรสาวมีอาชีพรับจ้างฟั่นธูปโดยเนื้อธูปและก้านธูปเป็นของผู้ว่าจ้างและรับจ้างสานกระเป๋าหวาย โดยเส้นหวายที่เหลาแล้วเป็นของผู้ว่าจ้าง ดังนี้ ยังหาพอแสดงว่ามีวัตถุประสงค์ใช้ที่เช่าเป็นสถานที่ประกอบธุระกิจหรือการค้าไม่จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าที่ดินขอโจทก์ปลูกอาคารร้านค้าโดยไม่ได้ทำสัญญาเป็นหนังสือและไม่มีกำหนดเวลา จำเลยได้ทำหนังสือยินยอมออกจากที่ดินของโจทก์แล้วไม่ยอมออก โจทก์จึงขอให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง

จำเลยให้การว่า จำเลยใช้ที่ดินเพื่อปลูกเรือนอาศัย มิได้ใช้ที่ดินทำการค้า จำเลยกับบุตรหญิง 2 คน มีอาชีพรับจ้างฟั่นธูปโดยเนื้อธูปและก้านธูปเป็นของผู้ว่าจ้างและรับจ้างสานกระเป๋าหวายโดยเส้นหวายที่เหล่าแล้วเป็นของผู้ว่าจ้าง และฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหาย 3,000 บาท

ศาลชั้นต้นฟังว่า การเช่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ และให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายให้จำเลย1,200 บาท

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยกับบุตรรับจ้างฟั่นธูปและสานกระเป๋าหวายยังหาพอแสดงว่ามีวัตถุประสงค์ใช้สถานที่ประกอบธุรกิจหรือการค้าอันแปรเปลี่ยนความตั้งใจที่จำเลยเจตนาจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยไม่

พิพากษายืน

Share