คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1328/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล ได้สั่งของต้องห้ามจากต่างประเทศแทนจำเลยที่ 1 โดยมิได้รับอนุญาตจากกระทรวงเศรษฐการก่อน แม้จะอ้างว่าสำคัญผิดว่าของที่สั่งมานั้นไม่ใช่ของต้องห้ามก็ยังคงต้องมีความผิด กรณีเช่นนี้ถือว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ร่วมกันกระทำผิด
ทัพพีแม้จะเป็นสิ่งประดิษฐ์จากเครื่องจักร ก็อยู่ในความหมายว่าเป็นสิ่งหัตถกรรมตามความหมายในประกาศของกระทรวงเศรษฐการ ลงวันที่ 14 กันยายน 2498 ข้อ 10 อันจำต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงเศรษฐการเสียก่อน จึงจะนำเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2503)

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยที่ 1 เป็นบริษัทจำกัด จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการบริษัทจำเลยที่ 1 ระหว่างวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2499 ถึง 30 พฤษภาคม 2499 จำเลยที่ 2 ในนามของจำเลยที่ 1 ได้สั่งซื้อทัพพีซึ่งทำด้วยโลหะอาลูมิเนียมจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้รับอนุญาตจากระทรวงเศรษฐการจำนวน14,400 อัน ราคา 8,541 บาท 47 สตางค์ จริง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องของกลางไม่ริบ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่างพ.ศ. 2482 มาตรา 9 ซึ่งแก้ไขแล้ว ปรับจำเลยคนละ 5 เท่าราคาสินค้าคิดเป็นเงินคนละ 42,707 บาท 35 สตางค์ จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนดคำรับของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คนละกึ่งคงปรับจำเลยคนละ 21,353 บาท 68 สตางค์ จำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 15 วัน เฉพาะโทษจำให้ยก ของกลางริบ

แต่มีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ทำความเห็นแย้งว่า ควรพิพากษายกฟ้องเพราะสินค้าที่ควบคุมตามประกาศกระทรวงเศรษฐการลงวันที่ 14กันยายน 2498 ดังสำเนาท้ายฟ้องหมายถึงสิ่งหัตถกรรมซึ่งทำด้วยมือไม่ใช่ทำด้วยเครื่องจักร ตามท้องสำนวนโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นได้เลยว่าทัพพีของกลางเป็นสิ่งหัตถกรรม และเมื่อพิเคราะห์ดูของกลางแล้วพึงเห็นได้ว่า เป็นของที่ทำด้วยเครื่องจักร ไม่ใช่สิ่งของที่ทำด้วยมือจำเลยจึงไม่ควรมีความผิดตามฟ้อง

จำเลยทั้งสองฎีกา

ปัญหาในชั้นฎีกามีว่า

(1) ถ้าทัพพีของกลางเป็นสิ่งหัตถกรรมอันจำต้องรับอนุญาตแต่จำเลยได้สั่งเข้ามาโดยความสำคัญผิดคิดว่าไม่ใช่ของที่ต้องขอรับอนุญาตก่อน จำเลยจะพ้นผิดหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง พ.ศ. 2482 มาตรา 8 และพระราชบัญญัติศุลกากร(ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 มาตรา 16 ให้ถือว่าเป็นความผิดโดยมิต้องคำนึงว่า ผู้ทำมีเจตนาหรือประมาทเลินเล่อ จำเลยจึงต้องมีความผิด

(2) การที่จำเลยที่ 2 เป็นผู้ดำเนินการสั่งสินค้าดังกล่าวในฐานะผู้แทนของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จะมีความผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า โดยปกตินิติบุคคลจะกระทำการใด ๆด้วยตนเองหาได้ไม่ต้องมีกรรมการบริหารกิจการแทน เมื่อจำเลยที่ 2 ผู้เป็นกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 ได้บริหารกิจการโดยสั่งซื้อสินค้ารายนี้ในนามของจำเลยที่ 1 โดยมิได้รับอนุญาตอันเป็นการผิดกฎหมายจำเลยที่ 2 ก็ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ร่วมกระทำผิดรายนี้ด้วย

(3) ทัพพีของกลางเป็นสิ่งหัตถกรรมอันจำต้องขออนุญาต เพื่อนำเข้ามาในราชอาณาจักรตามประกาศของกระทรวงเศรษฐการ ฯลฯ หรือไม่

ในปัญหาข้อ (3) นี้ ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า ทัพพีของกลางรายนี้ แม้จะเป็นสิ่งประดิษฐ์จากเครื่องจักร ก็อยู่ในความหมายว่า เป็นสิ่งหัตถกรรมตามความหมายในประกาศของกระทรวงเศรษฐการท้ายฟ้องอันจำต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงเศรษฐการเสียก่อน เพื่อการนำเข้ามาในราชอาณาจักร

ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share