คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 890/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายไม่ว่าจะเป็นนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดาย่อมมอบอำนาจให้ฟ้องคดีอาญาแทนได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2503) (ดูเทียบกับฎีกาที่ 755/2502 ซึ่งวินิจฉัยว่า การร้องทุกข์นั้น ย่อมมอบอำนาจให้ร้องทุกข์แทนกันได้)
เมื่อผู้เสียหายมอบอำนาจให้ฟ้องคดีอาญาแล้วผู้ที่รับมอบอำนาจก็ย่อมลงชื่อในฟ้องแทนโจทก์ได้ ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158ข้อ(7)

ย่อยาว

ผู้ว่าคดีฟ้องว่าจำเลยเอาชื่อและเครื่องหมายการค้าของบริษัทเมืองทองฯของบริษัทสหพัฒนพิบูล จำกัด ของบริษัทคาร์ลไซส์แห่งประเทศเยอรมันนีและของห้างหุ้นส่วนคาร์ลชลิ๊ปเปอร์มาใช้ให้ปรากฏที่สินค้าของจำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272, 273, 275, 32 พระยาปรีดาฯ ยื่นคำร้องอ้างว่าเป็นตัวแทนของห้างบีกริมฯ ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทคาร์ลไซส์ประเทศเยอรมันนีรายหนึ่ง เป็นตัวแทนห้างคาร์ลชลิ๊ปเปอร์ ประเทศเยอรมันนีรายหนึ่งและเป็นตัวแทนบริษัทเมืองทองฯ อีกรายหนึ่ง เป็นผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดีผู้ว่าคดีและจำเลยไม่คัดค้านคำร้องนี้

ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องนี้ว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(3) ผู้จัดการหรือผู้แทนของบริษัทเมืองทองฯ ห้างบีกริมฯ และห้างคาร์ลชลิ๊ปเปอร์ฯ เท่านั้นที่จะขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ หาใช่ว่าบริษัททั้งสามจะมีอำนาจตั้งพระยาปรีดาฯเป็นตัวแทนของตนในการดำเนินคดีอาญาได้ไม่ เพราะถ้าเช่นนั้นก็เท่ากับผู้เสียหายตั้งบุคคลอื่นให้เป็นผู้เสียหายดำเนินคดีแทนนั่นเอง จึงให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 ข้อ 4 บัญญัติว่า “ผู้เสียหาย” หมายความถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้ ดังบัญญัติไว้ใน มาตรา 4, 5 และ 6 ก็ดี ความในมาตรานี้มิได้หมายความว่า เฉพาะบุคคลใน มาตรา 4, 5 และ 6 เท่านั้น ที่จะจัดการแทนผู้เสียหายตาม มาตรา 3 ได้ ดังฎีกาที่755/2502 ซึ่งวินิจฉัยไว้ว่า ความในมาตรา 3, 4 และ 5 หาใช่หมายความว่าห้ามขาดมิให้มีการมอบอำนาจแก่กัน เป็นแต่บัญญัติให้บุคคลดังกล่าวในมาตรา 5 มีอำนาจกระทำกิจการที่บัญญัติไว้ในมาตรา 3 โดยไม่ต้องมีการมอบอำนาจซึ่งกันและกัน ส่วนกิจการในมาตรา 3 กิจการใดจะมอบอำนาจกันได้หรือไม่ ต้องเป็นไปตามหลักธรรมดาสุดแต่ว่ากรณีใดมีกฎหมายห้าม หรือเป็นกรณีตามสภาพต้องทำเองหรือไม่ก็เมื่อความในมาตรา 2 ข้อ 4 มิได้จำกัดว่า ผู้ที่จะจัดการแทนผู้เสียหายมิได้เฉพาะผู้ที่ระบุไว้ในมาตรา 5 เท่านั้นแล้ว ก็ไม่มีกฎหมายใดที่บังคับว่า การฟ้องคดีอาญา ผู้เสียหายจักต้องทำด้วยตนเอง ทั้งตามสภาพของการฟ้องคดีอาญาก็ไม่เป็นเรื่องที่จักต้องกระทำด้วยตนเองเฉพาะตัว ดังจะเห็นได้จากที่มาตรา 3 นั้นเองบัญญัติให้บุคคลหนึ่งฟ้องคดีอาญาในความผิดซึ่งมีผู้กระทำต่อบุคคลอื่นตามที่ระบุไว้ได้ ไม่ถือเป็นการที่ผู้เสียหายเท่านั้นจะทำได้เองเฉพาะตัว เมื่อผู้เสียหายมอบอำนาจให้ฟ้องคดีอาญาได้ ผู้ที่รับมอบอำนาจก็ย่อมลงชื่อในฟ้องแทนโจทก์ได้ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 ข้อ 7แต่อย่างใด ในคดีนี้หากผู้เสียหายได้มอบอำนาจให้พระยาปรีดาฯ โดยชอบตามที่พระยาปรีดาฯได้ยื่นคำร้องเข้าร่วมเป็นโจทก์ พระยาปรีดาฯ ก็ย่อมมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาตามอำนาจที่รับมอบมาได้โดยพระยาปรีดาฯ ไม่จำต้องเป็นผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆ ของนิติบุคคลผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5 ข้อ 3 ศาลฎีกาเห็นว่าผู้เสียหายจะเป็นนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดา ก็อาจมอบอำนาจให้ฟ้องคดีอาญาแทนได้ ส่วนผู้เสียหายในคดีนี้จะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายหรือไม่ผู้มอบอำนาจมีอำนาจจะมอบได้หรือไม่เป็นข้อที่ศาลจะต้องพิจารณาต่อไปอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งศาลล่างทั้งสองยังมิได้พิจารณาว่ามีการมอบอำนาจโดยชอบหรือไม่ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม และมีคำสั่งใหม่ตามนัยแห่งข้อกฎหมายข้างต้น

Share