แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์จะไม่ได้ตอกบัตรลงเวลาทำงานและไม่มีลายเซ็นรับรองของวิศวกรและโฟร์แมนในการทำงานล่วงเวลาตามข้อบังคับของจำเลยเกี่ยวกับการคำนวณค่าล่วงเวลาก็ตาม แต่ระเบียบตามข้อบังคับนี้เป็นเพียงวิธีปฏิบัติในการทำงานล่วงเวลาเพื่อเป็นหลักฐานและประโยชน์เกี่ยวกับการคำนวณค่าล่วงเวลาเท่านั้น ทั้งมิได้กำหนดยกเว้นว่าลูกจ้างคนใดไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวแล้วจะไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาอีกด้วย ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยให้โจทก์ทำงานล่วงเวลา จำเลยก็จะอ้างข้อบังคับดังกล่าวเพื่อปฏิเสธไม่จ่ายค่าล่วงเวลาแก่โจทก์หาได้ไม่
สัญญาจ้างแรงงานที่มีข้อความว่า “ข้อพิพาทใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการตีความหรือการใช้บังคับของความในสัญญานี้ใด ๆ ให้นำไปเสนอเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลบรูไน คำตัดสินของทางการดังกล่าวให้ถือว่าเด็ดขาดและผูกพันระหว่างบริษัทและลูกจ้างฯลฯ” นั้น มิได้บังคับไว้โดยเด็ดขาดว่า หากคู่กรณีไม่นำข้อพิพาทเสนอต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลบรูไนตัดสินก่อนแล้วจะฟ้องร้องต่อศาลมิได้ ดังนั้น เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ค่าล่วงเวลาให้โจทก์ จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงากลางซึ่งโจทก์และจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้จ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างประจำ มีข้อตกลงให้โจทก์ไปทำงานที่ประเทศบรูไน ต่อมาโจทก์ลาออกจากงาน ในระหว่างที่โจทก์ทำงานกับจำเลยจำเลยได้ให้โจทก์ทำงานล่วงเวลา แต่จำเลยไม่ยอมจ่ายค่าล่วงเวลาให้ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าล่วงเวลาแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของบริษัทจำเลยได้ระบุการจ่ายค่าล่วงเวลาไว้ว่า ลูกจ้างที่ได้รับค่าล่วงเวลาจะต้องมีการตอกบัตรลงเวลาทำงาน พร้อมทั้งมีลายเซ็นของวิศวกรและโฟร์แมนหรือหัวหน้างาน และจะต้องได้รับคำสั่งและได้รับอนุมัติจากโฟร์แมนหรือหัวหน้างาน โจทก์ไม่เคยได้รับคำสั่งและอนุมัติเช่นนั้นเลยทั้งไม่ได้มีการตอกบัตรลงเวลาทำงาน โจทก์จึงไม่เข้าข่ายที่จะมีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลานอกจากนั้นโจทก์ได้ตกลงกับจำเลยในสัญญาจ้างว่า ถ้ามีข้อพิพาทใด ๆ เกิดขึ้นเกี่ยวกับการจ้าง ให้คู่กรณีนำไปเสนอเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลบรูไน และคำตัดสินของทางการวดังกล่าวให้ถือว่าเด็ดขาดและผูกพันระหว่างบริษัทและลูกจ้าง การที่โจทก์ไม่นำข้อพิพาทเรื่องค่าล่วงเวลาให้ทางการบรูไนชี้ขาดตามที่ตกลงกันและมาฟ้องคดีนี้ในประเทศไทยจึงเป็นการไม่ชอบโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า การทำงานล่วงเวลาของโจทก์เป็นการทำไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยมุ่งหวังผลงานเป็นใหญ่ แม้มิได้ปฏิบัติตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานล่วงเวลา จำเลยจะปฏิเสธไม่จ่ายค่าล่วงเวลาหาได้ไม่ ตามข้อตกลงในสัญญาจ้างทำงานที่ว่า ถ้ามีข้อพิพาทใด ๆ เกิดขึ้นจากการตีความหรือการใช้ข้อบังคับของความในสัญญาใด ๆ ให้นำเสนอเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลบรูไน เป็นเรื่องในชั้นอนุญาโตตุลาการ มิใช่เรื่องการฟ้องร้องต่อศาล จำเลยนำสืบไม่ได้ว่ากฎหมายแรงงานของประเทศบรูไนเกี่ยวกับเรื่องล่วงเวลามีประการใด จำเลยกับโจทก์ทำสัญญาจ้างกันในประเทศไทยเมื่อมีข้อพิพาทเกี่ยวกับค่าล่วงเวลาจึงต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทย โจทก์มีอำนาจฟ้องพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าล่วงเวลาให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ตามข้อบังคับของจำเลยเกี่ยวกับการทำงานกำหนดไว้ในเรื่องการคำนวณค่าล่วงเวลาว่า ผู้ว่าจ้างจะจ่ายค่าล่วงเวลาให้ลูกจ้างในกรณีที่ได้รับอนุมัติจากวิศวกรโครงการและโฟร์แมน และจะต้องมีการตอกบัตรและลายเซ็นของวิศวกรและโฟร์แมนนั้น เป็นเพียงระเบียบวิธีปฏิบัติในการทำงานล่วงเวลาของลูกจ้างเพื่อเป็นหลักฐานและประโยชน์เกี่ยวกับการคำนวณค่าล่วงเวลาเท่านั้น ข้อบังคับของจำเลยมิได้กำหนดเป็นกรณียกเว้นไว้ว่า หากลูกจ้างคนใดทำงานล่วงเวลาโดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวแล้วจะไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลา เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยให้โจทก์ทำงานล่วงเวลาดังที่โจทก์ฟ้อง จำเลยก็จะอ้างระเบียบดังกล่าวเพื่อปฏิเสธไม่จ่ายค่าล่วงเวลาแก่โจทก์หาได้ไม่
ตามสัญญาจ้างแรงงานมีข้อความว่า “ข้อพิพาทใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากการตีความหรือการใช้บังคับของความในสัญญานี้ใด ๆ ให้นำไปเสนอเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลบรูไนคำตัดสินของทางราชการดังกล่าวให้ถือว่าเด็ดขาดและผูกพันระหว่างบริษัทและลูกจ้างให้นำกฎหมายแรงงานประเทศบรูไนมาใช้บังคับภายใต้สัญญานี้ และความในที่มิได้ระบุไว้ในสัญญานี้ให้นำความในกฎหมายดังกล่าวมาใช้บังคับ นั้น ข้อสัญญาดังกล่าวมิได้บังคับไว้โดยเด็ดขาดว่าหากคู่กรณีไม่นำข้อพิพาทเสนอต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลบรูไนตัดสินก่อนแล้วจะฟ้องร้องต่อศาลมิได้ เมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ค่าล่วงเวลาตามสิทธิที่โจทก์ควรจะได้รับโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานกลางที่โจทก์และจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจได้
พิพากษายืน