แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยไม่วินิจฉัยปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เมื่อโจทก์อุทธรณ์จำเลยไม่ได้ยกปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์ขาดอายุความตั้งเป็นประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์ จึงถือว่าไม่มีประเด็นเรื่องอายุความในชั้นอุทธรณ์ ดังนั้น ปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ภาค 1 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง และไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 48554 ตำบลนางรองอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นมรดกของนางทองอยู่ จีนนางรองอันตกได้แก่โจทก์ทั้งสามคนละ 78 ตารางวา ให้จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของนางทองอยู่ไปจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ทั้งสามจำนวน 2 งาน 34 ตารางวา และใส่ชื่อโจทก์ทั้งสามลงในโฉนดที่ดินดังกล่าวภายใน 15 วันนับแต่มีคำพิพากษาถึงที่สุด หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยไปดำเนินการจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินต่อไป ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจากการที่โจทก์ทั้งสามขาดประโยชน์ให้เช่าที่ดินดังกล่าวเป็นเงินเดือนละ500 บาท นับแต่เดือนพฤศจิกายน 2532 ถึงเดือนธันวาคม 2532 เป็นเงิน1,000 บาท และในเดือนมกราคม 2533 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะเลิกเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ทั้งสาม
จำเลยให้การว่า ก่อนนางทองอยู่จะถึงแก่กรรมนั้น นางทองอยู่ได้ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย จำเลยจึงไม่ได้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนทายาทอื่น นางทองอยู่ถึงแก่กรรมเกินกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งโจทก์ทั้งสามก็ทราบดีแต่ไม่เคยโต้แย้งสิทธิแต่อย่างใดคดีของโจทก์จึงขาดอายุความ 1 ปี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้จำเลยแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่48554 ตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ให้แก่โจทก์ที่ 1 จำนวน 1 ส่วน ให้แก่โจทก์ที่ 2 จำนวน 3 ส่วน และให้แก่โจทก์ที่ 3 จำนวน 6 ส่วน ในจำนวนทั้งหมด 30 ส่วน หากไม่สามารถแบ่งกันได้ให้ขายโดยประมูลราคาระหว่างกันเอง ถ้าไม่ตกลงให้นำออกขายทอดตลาดได้เงินสุทธิเท่าใดให้แบ่งกันตามส่วน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ฟ้องคดีมรดกหลังจากทราบการตายของนางทองอยู่เกิน 10 ปี ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า นางทองอยู่ยกที่ดินพิพาทให้จำเลยปัญหาเรื่องอายุความไม่จำต้องวินิจฉัยพิพากษายกฟ้อง โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์ว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนางทองอยู่จำเลยไม่ได้ยกปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์ขาดอายุความตั้งเป็นประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์จึงถือว่าไม่มีประเด็นเรื่องอายุความในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1วินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนางทองอยู่ ต้องแบ่งให้แก่โจทก์ทั้งสามและทายาทอื่นของนางทองอยู่ตามส่วน พิพากษากลับให้จำเลยแบ่งที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสาม ฉะนั้นปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ภาค 1 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง และมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลย