คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2578/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่อ้างว่า จำเลยย้ายจากภูมิลำเนาตามฟ้องไปอยู่ที่อื่นก่อนฟ้อง 3 ปีเศษแล้ว ซึ่งโจทก์อาจสืบทราบภูมิลำเนาใหม่ของจำเลยได้โดยง่าย แต่โจทก์ได้ขอให้ศาลส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทราบโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์และส่งคำบังคับโดยปิดประกาศหน้าศาลจึงเป็นการไม่ชอบ จำเลยเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องและศาลออกคำบังคับโดยมีผู้แจ้งให้จำเลยทราบและจำเลยไปตรวจดูสำนวนที่ศาล ถือได้ว่าจำเลยไม่สามารถยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ภายในสิบห้าวันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับโดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ และพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้นี้สิ้นสุดลงเมื่อจำเลยทราบว่าถูกฟ้อง จำเลยจึงมีสิทธิยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้นี้สิ้นสุดลง.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ขอให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันที่ทำไว้กับโจทก์ จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้อง ได้มีการส่งคำบังคับให้จำเลยทั้งสองโดยปิดคำบังคับไว้ ณ บ้านเรือนของจำเลยที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 1 ได้ปิดคำบังคับไว้หน้าศาล เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน2528 ตามคำสั่งศาลชั้นต้นต่อมาวันที่ 2 ธันวาคม 2528 จำเลยที่ 1ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่อ้างว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ปรากฏตามรายงานเจ้าหน้าที่ว่าได้ปิดคำบังคับที่หน้าศาลสำหรับจำเลยที่ 1 วันที่ 7 มิถุนายน 2528 และคำบังคับกำหนด 30 วัน บัดนี้เกินกำหนด 15 วัน นับแต่คำบังคับมีผลใช้บังคับ การยื่นคำร้องจึงเกินเวลาที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 กำหนดให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำขอของจำเลยที่ 1 แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ตามสำนวนคดีนี้ปรากฏว่าโจทก์ได้ใช้วิธีขอให้ศาลประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ให้จำเลยที่ 1 แก้คดี กำหนดวันสืบพยาน และประกาศหน้าศาลให้จำเลยที่ 1ทราบคำบังคับจำเลยที่ 1 อ้างในคำขอให้พิจารณาใหม่ว่า จำเลยที่ 1 ย้ายจากภูมิลำเนาตามฟ้องไปอยู่ที่อื่นตั้งแต่วันที่ 15สิงหาคม 2524 ซึ่งเป็นเวลาก่อนฟ้องคดีนี้ 3 ปีเศษโจทก์อาจสืบทราบภูมิลำเนาใหม่ของจำเลยที่ 1 ได้โดยง่าย แต่โจทก์กลับขอให้ศาลส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 1 ทราบโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 1 ดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบจำเลยที่ 1 ไม่เคยทราบเรื่องถูกฟ้องเป็นคดีนี้และศาลจะบังคับคดีกับจำเลยที่ 1 มาก่อน จำเลยที่ 1 เพิ่งทราบว่าถูกฟ้องและศาลออกคำบังคับเมื่อวันที่ 18พฤศจิกายน 2528 โดยมีผู้แจ้งให้จำเลยที่ 1 ทราบและจำเลยที่ 1ไปตรวจดูสำนวนที่ศาลชั้นต้น ทั้งจำเลยที่ 1 มีข้อต่อสู้ที่ดีซึ่งจะทำให้จำเลยที่ 1 ชนะคดีได้หากได้มีการพิจารณาใหม่เพราะสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นสัญญาปลอม เมื่อเป็นดังนี้จึงเห็นได้ว่า หากเป็นความจริงดังที่จำเลยที่ 1 กล่าวอ้างถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่สามารถยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในสิบห้าวันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับโดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ และพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้นี้เพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อจำเลยที่ 1 ทราบว่าถูกฟ้องและศาลออกคำบังคับในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2528 จำเลยที่ 1 ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่นี้เป็นการยื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 ซึ่งจำเลยที่ 1 มีสิทธิยื่นได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้นี้ได้สิ้นสุดลงเมื่อจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ในวันที่ 2 ธันวาคม 2528 อันอยู่ในระยะเวลาสิบห้าวันดังกล่าว จำเลยจึงมีสิทธิยื่นได้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share