คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2577/2550

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มีคำสั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้างอาคารตึกชั้นเดียวและคำสั่งห้ามจำเลยหรือบุคคลใดใช้หรือเข้าไปในส่วนใดๆ ของอาคาร เมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 52 วรรคแรก และคณะกรรมการดังกล่าวได้มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ว่า บริษัท สหถกลก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ก่อสร้างอาคารมูลกรณี และเป็นเจ้าของอาคารดังกล่าว เจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่มีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้อุทธรณ์ (จำเลย) ซึ่งมิใช่เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารมูลกรณีให้ระงับการก่อสร้างอาคารตามมาตรา 40 (1) (แบบ ค.3) ห้ามใช้หรือเข้าไปในส่วนใดๆ ของอาคารหรือบริเวณอาคารตาม มาตรา 40 (2) (แบบ ค.4) ฉะนั้น คำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง ให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และให้ดำเนินการออกคำสั่งกับเจ้าของอาคารมูลกรณีให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป ซึ่งมีผลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นต้องปฏิบัติตาม ตามมาตรา 52 วรรคห้า จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น สำหรับข้อหาก่อสร้างดัดแปลงอาคารนั้น เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้มีคำวินิจฉัยดังกล่าวย่อมผูกพันให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ต้องปฏิบัติความคำวินิจฉัย การที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นไปร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลย ต่อพนักงานสอบสวน และโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ก่อนที่จะมีคำสั่งวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาข้ามขั้นตอนของกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 4, 21, 40, 42, 65, 66, ทวิ 67 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และขอให้ปรับจำเลยเป็นรายวันนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ห้ามจำเลยใช้หรือเข้าไปในอาคารและที่ให้รื้อถอนอาคารด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 21, 40 (2), 65 วรรคหนึ่ง, 67 ลงโทษฐานก่อสร้างดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 เดือน ปรับ 10,000 บาท และฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ห้ามเข้าไปและใช้อาคาร จำคุก 1 เดือน ปรับ 10,000 บาท และให้ปรับจำเลยเป็นรายวันวันละ 100 บาท นับแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2545 ถึงวันที่ 23 เมษายน 2546 รวม 436 วัน เป็นเงิน 43,600 บาท รวมจำคุก 2 เดือน ปรับ 63,600 บาท จำเลยไม่เคยถูกจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 มีกำหนด 1 ปี หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องในความผิดฐานมิได้รื้อถอนอาคารตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ความผิดในข้อหาดังกล่าวจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และคดีของจำเลยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง คดีคงขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า เจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มีคำสั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้างอาคารตึกชั้นเดียวและคำสั่งห้ามจำเลยหรือบุคคลใดใช้หรือเข้าไปในส่วนใดๆ ของอาคาร จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 52 วรรคแรก และคณะกรรมการดังกล่าวได้มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ว่า บริษัทสหถกลก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ก่อสร้างอาคารมูลกรณีและเป็นเจ้าของอาคารดังกล่าว เจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่มีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้อุทธรณ์ (จำเลย) ซึ่งมิใช่เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารมูลกรณีให้ระงับการก่อสร้างอาคารตามมาตรา 40 (1) (แบบ ค.3) ห้ามใช้หรือเข้าไปในส่วนใดๆ ของอาคารหรือบริเวณอาคารตามมาตรา 40 (2) (แบบ ค.4) ฉะนั้น คำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จึงวินิจฉัยให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและให้ดำเนินการออกคำสั่งกับเจ้าของอาคารมูลกรณีให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป ซึ่งมีผลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นต้องปฏิบัติตามนั้น ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 52 วรรคห้า ในความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตาม มาตรา 40 ประกอบมาตรา 67 วรรคหนึ่ง นั้น เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้มีคำวินิจฉัยว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ถูกต้องและให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวเสียแล้ว จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น สำหรับข้อหาก่อสร้างดัดแปลงอาคารนั้นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยก่อสร้างอาคารชนิดตึกชั้นเดียวบนพื้นที่ว่างเปล่าระหว่างอาคารเลขที่ 26 กับเลขที่ 24 เพื่อเชื่อมต่อจากอาคารที่ 26 อันเป็นการก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้มีคำวินิจฉัยว่า บริษัทสหถกลก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ก่อสร้างอาคารมูลกรณี คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ย่อมผูกพันเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 52 วรรคห้า การที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นไปร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยต่อพนักงานสอบสวนและโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ก่อนที่จะมีคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาข้ามขั้นตอนของกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง.

Share