แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การโอนขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 กระทำโดยเจตนาลวงเพื่อให้จำเลยทั้งสองนำที่ดินพิพาทไปจำนองธนาคารเท่านั้นไม่มีความประสงค์ให้ผูกพันกัน จึงใช้บังคับระหว่างกันไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 เดิม (มาตรา 155ที่แก้ไขใหม่) ที่ดินพิพาทยังเป็นของโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นน้องสาวของโจทก์และภรรยาของจำเลยที่ 2 โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 27390 และ 27391โจทก์ตกลงขายที่ดินโฉนดเลขที่ 27390 ให้แก่จำเลยทั้งสองในราคา150,000 บาท แต่จำเลยทั้งสองไม่มีเงินพอต้องนำที่ดินโฉนดเลขที่27390 ไปจำนองแก่ธนาคารเพื่อนำเงินชำระหนี้ค่าที่ดินให้แก่โจทก์แต่เงินที่จะได้รับยังไม่เพียงพอ จึงขอยืมที่ดินโฉนดเลขที่ 27390ของโจทก์ ราคาประมาณ 80,000 บาท ไปจำนองแก่ธนาคารพร้อมกับที่ดินโฉนดเลขที่ 27390 เพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ ทั้งนี้โดยมีข้อตกลงกันว่า เมื่อจำเลยทั้งสองไถ่ถอนจำนองที่ดินทั้งสองแปลงเมื่อใดก็จะคืนที่ดินโฉนดเลขที่ 27391 ให้แก่โจทก์ แต่เพื่อความสะดวกและรวดเร็วจำเป็นต้องให้ผู้จำนองเป็นบุคคลเดียวกันในที่ดินทั้งสองแปลงโจทก์และจำเลยทั้งสองจึงตกลงกันให้ใส่ชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 27391 แทนโจทก์ โจทก์ทำนิติกรรมโอนขายที่ดินทั้งสองแปลงแก่จำเลยที่ 1 เฉพาะที่ดินโฉนดเลขที่ 27391เป็นการโอนเพื่ออำพรางนิติกรรมที่แท้จริงคือการยืมที่ดินของโจทก์ไปจำนองเท่านั้นจำเลยที่ 1 นำที่ดินทั้งสองแปลงไปจำนองแก่ธนาคารและต่อมาได้ไถ่ถอนจำนองแล้วแต่ไม่โอนที่ดินโฉนดเลขที่ 27391คืนโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองโอนชื่อในที่ดินโฉนดเลขที่ 27391เป็นของโจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์นำที่ดินทั้งสองแปลงไปจำนองเป็นประกันการกู้ยืมเงินของโจทก์ต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด และโจทก์ไม่มีเงินใช้หนี้จึงได้ขอให้จำเลยทั้งสองช่วยซื้อที่ดินทั้งสองแปลง จำเลยที่ 1 ตกลงซื้อที่ดินทั้งสองแปลงในราคา 200,000 บาท จำเลยทั้งสองจ่ายเงินให้โจทก์ 200,000 บาท โจทก์ได้ไถ่ถอนจำนองที่ดินทั้งสองแปลง แล้วโจทก์ทำหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินทั้งสองแปลงให้จำเลยที่ 1 ในวันเดียวกัน การทำนิติกรรมการโอนที่ดินโฉนดเลขที่27391 ดังกล่าวไม่เป็นการโอนเพื่ออำพรางนิติกรรมการยืมที่ดินของโจทก์แต่อย่างใด
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองโอนที่ดินโฉนดเลขที่27391 คืนโจทก์
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การโอนขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 กระทำโดยเจตนาลวงเพื่อให้จำเลยทั้งสองนำที่ดินพิพาทไปจำนองธนาคารเท่านั้นไม่มีความประสงค์ให้ผูกพันกัน จึงใช้บังคับระหว่างกันไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 เดิม (มาตรา 155ที่แก้ไขใหม่) ที่ดินพิพาทยังเป็นของโจทก์ จำเลยทั้งสองจึงต้องโอนคืนที่ดินพิพาทให้โจทก์
พิพากษายืน