คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1167/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเช่านาที่เป็นผลจากข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งกระทำต่อหน้าศาลและศาลได้พิพากษา และออกคำบังคับเสร็จสิ้นไปแล้วก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ออกใช้บังคับ การเช่านาตามสัญญาประนีประนอมยอมความนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขและคำบังคับตามคำพิพากษา พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ย่อมไม่ลบล้างหรือให้ความคุ้มครองถึงการเช่านาที่ศาลได้พิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้วอย่างในคดีนี้

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยยอมชำระเงินค่าเช่านาที่ค้างให้โจทก์ และโจทก์ยอมให้จำเลยเช่านาพิพาทจำเลย ๒๓ ไร่ จำเลยยอมชำระค่าเช่าเป็นข้าวเปลือกอัตราไร่ละ ๘ ถังต่อปี ภายในเดือนเมษายนของทุก ๆ ปี ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าโจทก์ไปเก็บค่าเช่านาจำนวนข้าวเปลือก ๑๘๔ ถังจากจำเลย แต่จำเลยจะให้เพียง ๒๐ ถัง เป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้ยึดทรัพย์จำเลยขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ และให้จำเลยรื้อเรือนออกไปให้พ้นจากที่ดินของโจทก์
จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านว่า จำเลยทำนาได้เพียง ๘ ไร่ อีก ๑๕ ไร่เป็นที่ดอนทำนาไม่ได้ผล เมื่อเสร็จสิ้นการทำนา จำเลยขอชำระค่าเช่านาให้โจทก์เป็นข้าวเปลือก ๘๐ ถัง แต่โจทก์ไม่ยอมรับ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดนัด และจำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.๒๕๑๗ ขอให้ยกคำร้องของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยผิดข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.๒๕๑๗ พิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่านาในฤดูการทำนา พ.ศ.๒๕๑๘ ให้โจทก์จำนวน ๑๘๔ ถังข้าวเปลือก มิฉะนั้นก็ให้ใช้เงิน กับให้รื้อถอนบ้านเรือนของจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์ว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านเรือนออกไปจากที่ดินของโจทก์นั้น ไม่เป็นการถูกต้อง เพราะจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.๒๕๑๗
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว มีประเด็นขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะปัญหาที่ว่า การที่โจทก์ตกลงให้จำเลยเช่านาตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น จำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.๒๕๑๗ อันจะทำให้โจทก์ไม่มีสิทธิให้จำเลยเลิกการเช่านาหรือไม่ และเห็น่าการเช่านาในกรณีนี้เป็นผลจากข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งกระทำต่อหน้าศาล และศาลได้พิพากษาและออกบังคับเสร็จสิ้นไปแล้วก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.๒๕๑๗ ออกใช้บังคับ แม้การเช่านาตามสัญญาประนีประนอมยอมความนี้จะมีผลบังคับอยู่ แต่ก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขและตามคำบังคับตามคำพิพากษา พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.๒๕๑๗ ย่อมไม่ลบล้างหรือให้ความคุ้มครองถึงการเช่านาที่ศาลได้พิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้วอย่างในคดีนี้
พิพากษายืน

Share