แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7,8ทวิ,72,72ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 94พ.ศ.2519 ข้อ3,6,7 จำเลยอายุ 18 ปีรู้ผิดชอบชั่วดีแล้ว ไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ ลงโทษจำคุกจำเลยฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครอง 4 ปี และฐานพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว จำคุก 1 ปี รวมเป็นจำคุก 5 ปีจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลย 2 ปี 6 เดือน ของกลางริบศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลย 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7,72 วรรคแรกซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 40 ให้จำคุก 1 ปี และฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวให้จำคุก 2 เดือน รวมเป็นจำคุก 1 ปี 2 เดือนคำรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 7 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
กรณีนี้ เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218