แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่วัด จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทไม่ไช่ของวัดหรือของพระครูโสร์ แต่เปนของจำเลยเช่นนี้ ไม่ถือว่าจำเลยหลงข้อต่อสู้.
โจทฟ้องขับไล่จำเลย ๆ อ้างกัมสิทธิ การที่โจทสืบพยานว่าที่เปนของวัดและวัดได้มาหย่างไรนั้นเปนหารสืบไม่นอกฟ้องนอกประเด็นแต่หย่างได.
ย่อยาว
โจทฟ้องว่าพระครูโสร์ธัมมานนท์ เจ้าอะการวัดมธุรสรารามมีกัมสิทธิสวนมะพร้าว ๑ แปลง ราคาประมาน ๑๕๐๐ บาท สวนมะพร้าวนี้วัดมธุรวราราได้ไช้สิทธิครอบครองมาช้านานแล้ว จำเลยได้เช่าสวนจากวัดและค้างค่าเช่ามาแต่ พ.ส.๒๔๘๓ จำเลยจะขอเช่าต่อโจทไม่ยอม จึงขอไห้ขับไล่จเลยออกจากสวน.
จำเลยไห้การปติเสธว่ามิได้เช่าที่พิพาทจากที่วัด และตัดฟ้องว่าวัดไม่มีอำนาดฟ้อง เพราะไนฟ้องตอนต้นบันยายว่าที่ดินเปนของพระครูโสร์ วัดเปนแต่กล่าวอ้างว่าเปนผู้ครอบครองเท่านั้น ความจิงจำเลยเปนเจ้าของกัมสิทธิ์
สาลชั้นต้นและสาลอุธรน์วินิจฉัยต้องกันว่า ที่สวนที่พิพาทเปนของวัด จึงพิพากสาไห้ขับไล่จำเลย.
จำเลยดีกาว่า ฟ้องโจทเคลือบคลุมไม่แจ่มแจ้ง จำเลยหลงข้อต่อสู้ สาลดีกาเห็นว่า เมื่อได้อ่านฟ้องโจทโดยตลอดแล้วทำไห้เข้าใจว่า โจทฟ้องว่าที่ดินเปนของวัดมธุรวรารามซึ่งพระครูโสร์เปนเจ้าอธิการ เพราะไนคำขอท้ายฟ้อง ก็ขอไห้ห้ามจำเลยไม่ไห้เกี่ยวข้องไนที่วัด ทั้งไม่มอบอำนาดไห้ฟ้องคดีนี้ ก็ปรากตว่าพระครูโสร์มอบไห้นายดัดฟ้องความไนเรื่องวัดมีกัมสิทธิไนที่แปลงนี้ด้วย ไม่มีทางไห้เห็นว่าเปนของพระครูโสร์ส่วนตัวเลย และจำเลยก็มิได้หลงข้อต่อสู้ เพราะจำเลยไห้การว่าที่รายนี้ไม่ไช่ของพระครูโสร์หรือของวัดเปนที่ของจำเลย ฉนั้นการที่โจทสืบพยานว่าที่เปนของวัดมธุรวรารามและวัดได้มาหย่างไรจึงไม่เปนการนอกฟ้องนอกประเด็นพิพากสายืน.