แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
อธิบดีกรมสุลกากรมีอำนาดที่จะสั่งไม่ยืดเวลาเสียพาสีสุลกากรได้
โจทฟ้องขอไห้สาลบังคับจำเลยงดการขายทอดตลาดและไห้รับเงินค่าพาสีและค่าอื่น ๆ และเสียค่าขึ้นสาล 15 บ.ย่อมถือว่าคดีโจทเปนคดีที่เกี่ยวด้วยสิทธิเรียกร้องมีคำขอปลดเปลื้องทุกข์ไม่อาดคำนวนเปนราคาเงินได้ ซึ่งเปนคดีมโนสาเร่จะนำวิธีการชั่วคราวก่อนคำพิพากสามาไช้บังคับมิได้ตาม ม.154 ประมวนวิธีพิจารนาความแพ่ง
ย่อยาว
คดีได้ความว่าบริสัทไนประเทศยี่ปุ่นส่งสินค้าผ้ามาถึงโจท ซึ่งโจทจะต้องนำอากรไปเสียหายไน ๔ เดือน ๑๔ วัน แต่โจทได้ขอยืดกำหนดเวลาเสียอากรต่อไป จำเลยได้สั่งยืดเวลาไห้รวม ๒ คราว ครั้นก่อนครบกำหนดระยะเวลาได้ยืดไห้ครั้งสุดท้ายโจทได้ยื่นคำร้องขอยืดเวลาไปยึก จำเลยมิได้สั่งคำร้องประการได และได้สั่งไห้ขายทอดตลาดของนั้น เมื่อครบกำหนดระยะเวลานั้น โจทจึงขอไห้สาลสั่งจำเลยงดการขายทอดตลาดไว้และพร้อมกับฟ้องโจทได้ยื่นคำร้องขอไห้สาลสั่งห้ามชั่วคราวไม่ไห้จำเลยขายทอดตลาดทรัพย์นั้น
สาลชั้นต้นและสาลอุธรน์วินิจฉัยต้องกันว่า จำเลยมีอำนาจสั่งขายทอดตลาดทรัพย์นั้นได้ พิพากสาไห้ยกฟ้องและคำร้องโจทเสีย
โจทดีกาว่า ๑. จำเลยมีหน้าที่ต้องตอบคำร้องของโจท เมื่อไม่ตอบจึงเปนการละเมิด ๒. ที่สาลสั่งยกคำขอโจทที่ขอไห้ห้ามการขายทอดตลาดนั้นไม่ชอบสาลดีกาเห็นว่าอำนาดและหน้าที่ของอธิบดีกรมสุลกากรไนเรื่องนี้ได้มีบัญญัติไว้ไน พ.ร.บ.สุลกากร (ฉบับที่ ๙ ) พ.ส.๒๔๘๒ มาตรา ๑๘ ซึ่งตาม พ.ร.บ.มาตรานี้ โจทหามีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอยืดเวลาหย่างไดไม่ ฉนั้นการที่จำเลยจะสั่งยืดเวลาไห้โจทหรือไม่นั้น เปนการที่จำเลยไช้ดุลยพินิจอนุเคราะห์ไห้เปนประโยชน์แก่โจท เมื่อโจทไม่ปติบัติตามคำสั่งของจำเลยครั้งสุดท้ายแล้ว ก็เปนเหตุไห้จำเลยสั่งขายทอดตลาดได้ โดยชอบด้วยกดหมาย
ส่วนข้อที่โจทดีกาว่าสาลล่างสั่งคำร้องโดยไม่ชอบนั้น ปรากดตามคำร้องของโจท ๆ ขอไห้บังคับจำเลยงดการขายทอดตลาดและไห้รับเงินค่าพาสีและค่าอื่น ๆ และเสียค่าขึ้นสาล ๑๕ บาท ซึ่งเปนที่เห็นชัดเจนว่าคดีโจทคดีเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องมีคอขอปลดเปลื้องทุกข์ไม่อาดคำนวนเปนราคาเงินได้ ซึ่งเปนคดีมโนสาเร่ ตามประมวนกดหมายวิธีพิจารนาความแพ่งมาตรา ๑๘๙ และตามมาตรา ๒๕๔ ประมวนกดหมายวิธีพิจารนาความแพ่ง ไม่ยกเว้นไม่ยอมไห้ไช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากสาได้ ที่โจทดีกาอ้างว่าโจทฟ้องไนลักสนะละเมิดไม่ไช่คดีมโนสาเร่นั้นฟังไม่ขึ้น จึงพิพากสายืน