แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่บริษัทจำเลยให้ ธ.เป็นผู้จัดการเกี่ยวกับสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์ทำกับบริษัทจำเลย เช่นเมื่อบริษัทจำเลยส่งสัญญาเช่าซื้อและเอกสารบางอย่างไปที่ร้านของ ธ.แล้วธ.นำไปให้โจทก์ลงชื่อในฐานะผู้เช่าซื้อ และส่งกลับไปให้บริษัทจำเลยจนสำเร็จเป็นสัญญาเช่าซื้อ ตลอดจนเมื่อโจทก์ชำระเงินค่าทะเบียนรถยนต์พิพาทให้บริษัทจำเลยบริษัทจำเลยก็ได้ส่งทะเบียนรถไปให้โจทก์โดยผ่าน ธ.และในการชำระเงินค่าเช่าซื้อธ.ก็เป็นผู้รับจากโจทก์แล้วเป็นผู้จัดส่งไปให้บริษัทจำเลย ครั้งสุดท้ายเมื่อโจทก์แจ้งให้บริษัทจำเลยทราบว่า โจทก์ได้ชำระเงินให้กับ ธ.ครบถ้วนแล้วขอให้บริษัทจำเลยโอนทะเบียนรถยนต์พิพาทให้โจทก์ บริษัทจำเลยก็แจ้งให้โจทก์ทราบว่าจะจัดการปัญหาระหว่างโจทก์กับ ธ.ซึ่งต่อมาบริษัทจำเลยก็ได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่า ธ.รับเงินค่างวดครั้งสุดท้ายไว้จากโจทก์จริงและบริษัทจำเลยได้ให้ ธ.ส่งให้แก่บริษัทจำเลยแล้วพฤติการณ์ที่ ธ.กับบริษัทจำเลยปฏิบัติต่อกันดังกล่าวมาย่อมถือได้ว่า ธ.เป็นตัวแทนเชิดของบริษัทจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากจำเลย 1 คัน โดยทำสัญญาเช่าซื้อผ่านนายธงชัยหรือธงชนะซึ่งเป็นตัวแทนหรือตัวแทนเชิดของจำเลย ในการเช่าซื้อรถยนต์ดังกล่าวนี้ โจทก์ขายรถยนต์ของโจทก์ 1 คัน ให้กับบริษัทประชายนต์ จำกัด สาขานครราชสีมาซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยโดยตีราคารถยนต์ที่โจทก์ขายเป็นเงินดาวน์ในราคา 50,000 บาท และโจทก์จ่ายเงินอีก 2,000 บาทเป็นค่าทำสัญญา การชำระเงินแบ่งเป็น 30 งวด ๆ ละ 1 เดือน ๆ ละ 3,129 บาท ครั้งสุดท้ายโจทก์ชำระเป็นเงินสดเพื่อตัดงวดทั้งหมดจำนวน 60,000 บาท โดยผ่านนายธงชนะตัวแทนของจำเลย และยังคงค้างชำระอีกเพียง 2,000 บาท ซึ่งโจทก์จะชำระในวันโอนสิทธิทางทะเบียน โจทก์ติดต่อให้จำเลยไปทำการโอนสิทธิทางทะเบียนให้โจทก์หลายครั้ง แต่จำเลยก็ไม่ไปโอนให้จึงขอให้บังคับจำเลยโอนสิทธิทางทะเบียนรถยนต์คันพิพาทให้โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า นายธงชัยหรือธงชนะ และหรือบริษัทประชายนต์ จำกัด สาขานครราชสีมา ไม่ใช่ตัวแทนหรือตัวแทนเชิดของจำเลย การที่โจทก์ติดต่อซื้อขายรถยนต์พิพาทกับนายธงชัยหรือธงชนะก็ดี การที่โจทก์ขายรถยนต์ของโจทก์ให้กับบริษัทประชายนต์ จำกัด สาขานครราชสีมาก็ดี ไม่ผูกพันจำเลยเพราะเป็นคนละกรณีกันไม่เกี่ยวกับการให้เช่าซื้อของจำเลยตามสัญญาเช่าซื้อ โจทก์เพิ่งจะชำระค่าเช่าซื้อให้จำเลยเพียง 11 งวด แล้วผิดนัดตลอดมาจนบัดนี้เป็นระยะเวลาเกินกว่า 2 งวดติดต่อกัน จำเลยจึงขอบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์ ให้โจทก์ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อให้จำเลยในสภาพเรียบร้อย หากโจทก์ไม่สามารถส่งมอบให้ใช้เงิน 93,870 บาท พร้อมค่าเสียหายวันละ 100 บาท จนกว่าจำเลยจะได้รับรถยนต์คืน
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ชำระเงินค่ารถยนต์ที่เช่าซื้อจากจำเลยให้จำเลยครบถ้วนแล้ว โดยชำระเงินดาวน์ผ่านทางบริษัทประชายนต์ จำกัด สาขานครราชสีมา ตัวแทนของจำเลย และได้ชำระเงินค่าเช่าซื้อให้นายธงชัยหรือธงชนะตัวแทนของจำเลยอีกคนหนึ่ง โจทก์ยังคงค้างชำระเงินค่าเช่าซื้อรถยนต์กับจำเลยอีก 2,000 บาท ซึ่งโจทก์จะชำระให้ในวันโอนชื่อทางทะเบียน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยโอนสิทธิทางทะเบียนของรถยนต์คันพิพาทให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อโจทก์ตกลงเช่าซื้อรถยนต์พิพาทกับบริษัทจำเลยแล้วนายธงชัยหรือธงชนะได้นำสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.3 ของบริษัทจำเลยไปให้โจทก์ลงชื่อในฐานะผู้เช่าซื้อที่บ้านของโจทก์โดยยังไม่ได้กรอกข้อความ เกี่ยวกับเอกสาร จ.3 นี้ นายอิทธิไกร ไชยวรรธนะ ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายเช่าซื้อและติดตามหนี้สินของบริษัทจำเลยเบิกความว่า ร้านธงชนะพาณิชย์ติดต่อกับบริษัทจำเลยว่า โจทก์ประสงค์กู้เงินบริษัทจำเลยโดยวิธีทำเช่าซื้อ บริษัทจำเลยแจ้งกับร้านธงชนะพาณิชย์ว่า ในต่างจังหวัดไม่มีพนักงานส่งไป บริษัทจำเลยจึงได้ส่งสัญญาเช่าซื้อและเอกสารบางอย่างไปให้ร้านธงชนะพาณิชย์ เพื่อให้โจทก์ลงลายมือชื่อในช่องผู้เช่าซื้อแล้วส่งคืนบริษัทจำเลย เมื่อบริษัทจำเลยพิมพ์สัญญาถูกต้องตรงกับความจริงที่โจทก์ต้องการ และบริษัทจำเลยลงลายมือชื่อในช่องเจ้าของแล้วส่งกลับไปให้โจทก์ นอกจากนี้เมื่อโจทก์ได้ชำระงินค่าทะเบียนรถยนต์พิพาทให้บริษัทจำเลย บริษัทจำเลยก็ได้ส่งทะเบียนรถไปให้โจทก์โดยผ่านนายธงชัยหรือธงชนะอีกดังปรากฏตามจดหมายของนายธงชัยหรือธงชนะลงวันที่ 29 มิถุนายน 2517, 3 เมษายน 2518 และ 4 กุมภาพันธ์ 2518 ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.13 ทั้งในการส่งเงินค่าเช่าซื้อก็ปรากฏว่านายธงชัยหรือธงชนะเป็นผู้รับจากโจทก์ แล้วนายธงชัยหรือธงชนะเป็นผู้จัดการส่งให้บริษัทจำเลยอีกต่อหนึ่ง และเมื่อโจทก์แจ้งให้บริษัทจำเลยทราบว่า โจทก์ได้ชำระเงินให้กับนายธงชัยหรือธงชนะครบแล้ว ขอให้บริษัทจำเลยโอนทะเบียนรถยนต์พิพาทให้โจทก์ บริษัทจำเลยก็แจ้งให้โจทก์ทราบว่าจะจัดการปัญหาระหว่างโจทก์กับนายธงชัยหรือธงชนะ ซึ่งต่อมาบริษัทจำเลยได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่า นายธงชัยหรือธงชนะได้ไปพบบริษัทจำเลยรับว่าได้รับเงินจำนวน 60,000 บาทไว้จากโจทก์ และบริษัทจำเลยได้ให้นายธงชัยหรือธงชนะจัดการเอาเงินดังกล่าวส่งบริษัทจำเลย ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.20 แผ่นที่ 2 แผ่นที่ 3 และแผ่นที่ 4 ดังนี้จะเห็นได้ว่าพฤติการณ์ที่นายธงชัยหรือธงชนะและบริษัทจำเลยปฏิบัติต่อกันดังกล่าวมา ถือได้ว่านายธงชัยหรือธงชนะเป็นตัวแทนเชิดของบริษัทจำเลยการที่โจทก์จ่ายเงินสดให้นายธงชัยหรือธงชนะไปเป็นเงิน 60,000 บาทตามเอกสารหมาย จ.15 จึงผูกพันบริษัทจำเลยด้วย ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน