คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2459/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ไม่มีสิทธินำหนี้ค่าภาษีการค้าซึ่งยังมิได้มีการประเมินและยังไม่ได้แจ้งการประเมินให้จำเลยทราบโดยชอบมาฟ้องให้จำเลยล้มละลายได้ เนื่องจากเป็นกรณีที่จำเลยไม่อาจใช้สิทธิอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ จึงเป็นหนี้ที่ไม่อาจกำหนดจำนวนได้แน่นอนตามมาตรา 9(3) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายฯ เพราะหนี้ค่าภาษีการค้าตามฟ้องอาจถูกเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือ เพิกถอนโดยคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้ประกอบการค้าประเภท 7(ง)ตามประมวลรัษฎากร โดยขายอาหารและเครื่องดื่มพร้อมดนตรีโดยใช้สถานประกอบการค้าชื่อ มานิตตาคาเฟ่ ตั้งอยู่เลขที่ 1448/16 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานครเจ้าพนักงานประเมินของโจทก์ประเมินสภาพการค้าของจำเลยแล้วกำหนดรายรับของจำเลยต่อเดือนไม่น้อยกว่า 32,400 บาทนับแต่เดือนตุลาคม 2531 จำเลยไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีการค้า เจ้าพนักงานประเมินจึงทำการประเมินเรียกเก็บภาษีอากรจากจำเลยเป็นค่าภาษีการค้า เบี้ยปรับ เงินเพิ่มและค่าภาษีบำรุงเทศบาลสำหรับเดือนตุลาคม 2531 เป็นเงิน8,359.20 บาท เดือนธันวาคม 2531 ถึงเดือนเมษายน 2532เดือนละ 11,574.09 บาท รวมเป็นเงิน 66,229 บาท จำเลยได้รับแบบแจ้งการประเมินดังกล่าวแล้ว แต่ไม่ชำระและไม่ได้อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์แต่อย่างใดถือว่าเป็นหนี้ที่กำหนดจำนวนได้แน่นอนโจทก์มีหนังสือทวงถามจำเลยให้ชำระหนี้ดังกล่าวแล้ว 2 ครั้ง มีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน แต่จำเลยไม่ชำระหนี้ ประกอบกับจำเลยไม่มีทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะพึงยึดมาชำระหนี้ จำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด และพิพากษาให้ล้มละลาย

จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์เรื่องสถานที่ประกอบการค้าเคลือบคลุม เนื่องจาก โจทก์อ้างว่า จำเลยประกอบการค้าร้านอาหาร ตั้งอยู่เลขที่ 1448/16 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาวเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร แต่เอกสารท้ายฟ้องเป็นแบบแจ้งการประเมินของสถานประกอบการค้า เลขที่ 20/121 ถนนรัชดาภิเษกแขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร จำเลยไม่ได้ประกอบการค้าและไม่ได้ค้างชำระหนี้ค่าภาษีการค้าตามฟ้องเพราะศาลแพ่งมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน2530 ตามคดีหมายเลขแดงที่ ล.479/2530 โจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลา 2 เดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ถือว่าหนี้ที่โจทก์มาฟ้องเป็นคดีนี้ขาดอายุความแล้ว ต่อมาจำเลยได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายดังกล่าวจนเต็มจำนวน และศาลแพ่งมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2536 ฉะนั้นระหว่างเวลาดังกล่าว จำเลยจึงไม่ได้ประกอบการค้าตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยไม่เคยได้รับหนังสือทวงถามให้ชำระหนี้ค่าภาษีการค้าจากโจทก์ และหนี้ตามฟ้องได้รวมเอาค่าภาษีการค้า เงินเพิ่มเบี้ยปรับและภาษีบำรุงเทศบาล เข้าด้วยกัน แต่มีค่าภาษีการค้ารวมเป็นเงินเพียง 29,160 บาท ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์แผนกคดีล้มละลายพิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เดิมจำเลยถูกฟ้องเป็นคดีล้มละลายและศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2530ตามคดีหมายเลขแดงที่ ล.479/2530 ศาลพิพากษาให้ล้มละลายเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2533 และศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2536 โจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายอีกเป็นคดีนี้ ปัญหาต้องวินิจฉัยในเบื้องต้นว่าโจทก์จะนำหนี้ภาษีอากรตามฟ้องมาฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายได้หรือไม่โจทก์มีนางภคาภรณ์ สถิราวุธ และนางสาววาสนา ตันมงคลเบิกความว่า จำเลยประกอบกิจการขายอาหารประเภท 7(ง)ประเภทภัตตาคาร จำเลยจดทะเบียนการค้าประกอบธุรกิจดังกล่าวไว้ตามกฎหมาย ตามสำเนาแบบคำขอจดทะเบียนการค้าเจ้าพนักงานประเมินกำหนดรายรับขั้นต่ำของจำเลยไว้เดือนละ32,400 บาท ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2531 จำเลยมิได้ยื่นแบบเสียภาษีการค้าไว้ โจทก์ได้ประเมินภาษีการค้ารวมเงินเพิ่มกับเบี้ยปรับและภาษีบำรุงเทศบาล เป็นเงิน 8,359.20 บาท และระหว่างเดือนธันวาคม 2531 ถึงเดือนเมษายน 2532 จำเลยต้องชำระภาษีการค้าอีกเดือนละ 11,574.09 บาท ซึ่งแบบแจ้งการประเมินภาษีการค้า ระบุที่ตั้งสถานการค้าเลขที่ 20/121ถนนรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานครและทะเบียนการค้าเลขที่ 10 38 11154 แต่ตามฟ้องโจทก์ระบุว่า จำเลยเป็นผู้ประกอบการค้าประเภท 7(ง) ตามประมวลรัษฎากร โดยขายอาหาร เครื่องดื่มและมีดนตรี สถานที่ใช้ประกอบการค้าใช้ชื่อ มานิตตาคาเฟ่ ตั้งอยู่เลขที่ 1448/16ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานครทะเบียนการค้าเลขที่ 10 38 10789 แสดงให้เห็นว่าจำเลยจดทะเบียนการค้าไว้ 2 แห่ง มีภูมิลำเนาต่างกัน โจทก์ได้ประเมินภาษีการค้าของร้านทะเบียนการค้าเลขที่ 10 38 11154 รวมทั้งแจ้งรายการประเมินให้จำเลยทราบแล้ว แต่หนี้ภาษีการค้าของร้านทะเบียนการค้าเลขที่ 10 38 10789 ตามที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นคดีล้มละลายคดีนี้ยังมิได้มีการประเมินภาษีการค้าแต่อย่างใดรวมทั้งยังมิได้แจ้งการประเมินให้จำเลยทราบโดยชอบ ทำให้จำเลยไม่อาจใช้สิทธิอุทธรณ์การประเมินภาษีอากรต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ จึงเป็นหนี้ที่ไม่อาจกำหนดจำนวนได้แน่นอนตามมาตรา 9(3) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483เพราะหนี้ค่าภาษีการค้าตามฟ้องอาจถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิกถอนโดยคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะนำหนี้ดังกล่าวมาฟ้องให้จำเลยล้มละลายได้กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ข้ออื่นอีกต่อไป ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นด้วยในผล”

พิพากษายืน

Share