คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2574/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คู่ความพิพาทกันเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินว่าเป็นของผู้ร้องหรือผู้คัดค้าน หาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนไม่ อุทธรณ์ของผู้คัดค้านที่ว่า พยานผู้ร้องล้วนเป็นเครือญาติกับผู้ร้อง มีการซักซ้อมกันมาเบิกความ ชี้ให้เห็นว่าศาลชั้นต้นรับฟังพยานหลักฐานฝ่าฝืนข้อเท็จจริงตามที่คู่ความนำสืบมาเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา อุทธรณ์ดังกล่าวเป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้น จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงเมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์มีราคาไม่เกิน 50,000 บาทคดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ผู้คัดค้านฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่ให้ยกอุทธรณ์ของผู้คัดค้าน โดยขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีจึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ต้องเสียค่าขึ้นศาล200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ 2 ก. ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 493 ทิศใต้ติดที่ดินโฉนดเลขที่ 500 ตำบลเขาขี้ฝอยอำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี เนื้อที่ 48 ไร่ 2 งาน 8 ตารางวามีนายปัญญา พูลหลวง และนายไสว รักกสิการ ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันเมื่อประมาณ 50 ปีมานี้ ผู้ร้องครอบครองทำนาในที่ดินโฉนดเลขที่ 500บริเวณติดที่ดินของผู้ร้องเป็นเนื้อที่ 3 ไร่ 1 งาน 81 5/10 ตารางวาโดยสงบ เปิดเผย เจตนาเป็นเจ้าของ ไม่มีผู้ใดโต้แย้งสิทธิหรือรบกวนการครอบครองเกิน 10 ปี จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวขอให้มีคำสั่งว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 500เนื้อที่ 3 ไร่ 1 งาน 81 5/10 ตารางวา
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า เดิมนายไสวและนางมะลิมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินโฉนดเลขที่ 500 แบ่งแยกการครอบครองเป็นสัดส่วน แต่ไม่ได้จดทะเบียนไว้ ผู้คัดค้านซื้อที่ดินส่วนของนางมะลิโดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนแล้ว ผู้คัดค้านนำเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดตรวจสอบที่ดินโฉนดเลขที่ 500 จึงทราบว่าผู้ร้องเข้ามาทำนาในที่ดินพิพาท ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 500เนื้อที่ 3 ไร่ 1 งาน 81 5/10 ตารางวา ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้คู่ความพิพาทกันเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินว่าเป็นของผู้ร้องหรือผู้คัดค้าน หาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนไม่ ฎีกาข้อนี้ของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้นส่วนข้อที่ผู้คัดค้านฎีกาว่า อุทธรณ์ของผู้คัดค้านที่ว่าพยานผู้ร้องล้วนเป็นเครือญาติกับผู้ร้อง มีการซักซ้อมกันมาเบิกความชี้ให้เห็นว่าศาลชั้นต้นรับฟังพยานหลักฐานฝ่าฝืนข้อเท็จจริงตามที่คู่ความนำสืบมาเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา คดีจึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์นั้น เห็นว่าอุทธรณ์ของผู้คัดค้านดังกล่าวเป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้น จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์มีราคาไม่เกิน 50,000 บาท คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงอนึ่ง คดีนี้ผู้คัดค้านฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่ให้ยกอุทธรณ์ของผู้คัดค้านโดยขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ผู้คัดค้านต้องเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ 2 ก. ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แต่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเสียค่าขึ้นศาลมาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ จึงเสียเกินมา
พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาส่วนที่เกิน 200 ให้แก่ผู้คัดค้าน

Share