คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2570/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ทำร้ายผู้เสียหายจนฟันหลุดไป 1 ซี่ และจำเลยที่ 2 ใช้ให้ บ.ทำร้ายผู้เสียหายจนฟันหลุดไป 2 ซี่ เมื่อถูกทำร้ายแล้วผู้เสียหายเพียงแต่รับประทานอาหารไม่ได้ตามปกติเท่านั้น ยังใช้ฟันที่เหลือเคี้ยวอาหารได้อยู่บ้าง แต่ไม่อาจเคี้ยวได้เหมือนเดิม ส่วนที่ผู้เสียหายว่าป่วยเจ็บเกิน 20 วัน ก็ไม่ได้ความว่าป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 295, 297, 298, 309, 310, 312, 80, 83, 91
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันใช้ไม้ไผ่และสันมีดทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส และร่วมกันเป็นตัวการทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนฟันหัก 3 ซี่ จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส และจำเลยที่ 1 ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 83, 91 ให้เรียงกระทงลงโทษกระทงที่ 1 จำคุกคนละ 2 ปี กระทงที่ 2 จำคุกคนละ 3 ปีและกระทงที่ 3 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี รวมเป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 7 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 5 ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานใช้ไม้ตีและใช้กระป๋องร้อนๆ นาบผู้เสียหาย จำคุกจำเลยที่ 1 กระทงละ 1 ปี รวม 2กระทง เป็นจำคุก 2 ปี ยกข้อหาอื่น ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้องโจทก์ทุกข้อหา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ในระหว่างที่ผู้เสียหายทำงานเป็นเด็กรับใช้อยู่ในบ้านจำเลยนั้น จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันใช้ไม้ไผ่ตีทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายสาหัส จำเลยที่ 1 ใช้กระดาษจุดไฟใส่กระป๋องเหล็กนาบผู้เสียหายจนได้รับอันตรายสาหัส จำเลยที่ 1 ทำร้ายผู้เสียหายจนฟันหลุดไป 1 ซี่ และจำเลยที่ 2 ได้ใช้ให้เด็กหญิงบัวลอยทำร้ายผู้เสียหายจนฟันหลุดไป2 ซี่ แต่เนื่องจากการพิจารณาได้ความจากผู้เสียหายว่า เมื่อถูกทำร้ายจนฟันหลุดดังกล่าวแล้ว ผู้เสียหายเพียงแต่รับประทานอาหารไม่ได้ตามปกติเท่านั้น ซึ่งย่อมหมายความว่าผู้เสียหายยังใช้ฟันที่เหลือเคี้ยวอาหารได้อยู่บ้าง แต่ไม่อาจเคี้ยวได้เหมือนเดิม ส่วนที่ผู้เสียหายว่าป่วยเจ็บเกิน 20 วัน ก็ไม่ได้ความว่าป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนา กรณีเช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสดังฟ้องโจทก์ จำเลยที่ 1 คงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 และจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบด้วยมาตรา 84 อีกกระทงหนึ่งด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 จำคุก 1 ปี กระทงหนึ่งกับมีความผิดใช้ผู้อื่นให้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบด้วยมาตรา 84จำคุก 3 เดือนอีกกระทงหนึ่ง และจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย จนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 อีกกระทงหนึ่งจำคุก 3 เดือน รวมเป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 3 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด1 ปี 3 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share