แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 และในส่วนที่เป็นปัญหาข้อกฎหมายนั้นเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นมาว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น จึงไม่รับ จำเลยเห็นว่า ฎีกาที่ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาในเรื่องการอ้างพยานหลักฐาน การยื่นบัญชีระบุพยานโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และจากการที่จำเลยให้การรับสารภาพว่ากระทำผิดตามฟ้อง แต่โจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่ชอบจะถือว่าจำเลยจำนนต่อพยานหลักฐานของโจทก์ไม่ได้ และการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำผิดกรรมเดียว จึงไม่อาจเรียงกระทงลงโทษจำเลยได้ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยว กับความสงบเรียบร้อย และได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วตั้งแต่ ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยด้วย หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ลงโทษจำคุกกระทงแรก 1 ปีกระทงที่สอง 3 เดือน กระทงที่สาม 3 เดือน กระทงที่สี่ 3 เดือนรวมจำคุก 21 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 14 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยกระทงแรก9 เดือน กระทงที่สองถึงที่สี่กระทงละ 1 เดือน รวมจำคุก12 เดือน ลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามคงจำคุก 8 เดือน นอกจาก ที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 92) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 96)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องเคลือบคลุม โจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาในเรื่องการอ้างพยานหลักฐานการยื่นบัญชีระบุพยานไม่ชอบด้วยกฎหมาย และโจทก์มิได้บอกกล่าว แก่จำเลยว่าธนาคารไม่ใช้เงินตามเช็คจึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เนื่องจากคดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพและศาลชั้นต้นพิพากษา ไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 ข้อกฎหมาย ที่อ้างในฎีกาจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ส่วนฎีกาข้อที่ว่าขอให้กำหนดโทษให้น้อยลง ควรลดโทษให้จำเลย กึ่งหนึ่งและรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย เป็นฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกานั้นชอบแล้ว สำหรับฎีกาที่ว่าเรียงกระทงลงโทษได้หรือไม่ เป็นปัญหา ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะมิได้ยกขึ้น ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ฎีกาได้ จึงให้รับ ฎีกาจำเลยข้อ 2(2) ไว้พิจารณา ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป