คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2570/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

รถยนต์โจทก์ถูกคนร้ายลักไป และได้มีการเปลี่ยนแปลงทะเบียนแล้วโอนขายต่อกันเป็นทอด ๆ จนกระทั่งถึงบริษัทเชสแมนฮัตตันอินเวสต์เมนต์ จำกัด รับซื้อไว้โดยสุจริตและได้ให้ผู้มีชื่อเช่าซื้อต่อไป ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ยึดรถยนต์คันดังกล่าวมาเป็นพยานหลักฐานในคดี เมื่อหมดความจำเป็นที่จะยึดไว้ต่อไป จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ช่วยอธิบดีปฏิบัติหน้าที่ราชการแทนอธิบดีกรมตำรวจได้มีคำสั่งให้คืนรถยนต์คันดังกล่าวแก่บริษัทเชสแมนฮัตตันอินเวสต์เมนต์ซึ่งอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์รถยนต์คันนั้นตามกฎหมาย ดังนี้ เป็นการสั่งคืนโดยชอบไม่ผิดหน้าที่ เพราะโจทก์ก็ยอมรับว่าบริษัทดังกล่าวซื้อรถยนต์ไว้โดยสุจริต และที่จำเลยที่ 2 มีคำสั่งไปเช่นนั้นก็ไม่มีผลให้บริษัทผู้ครอบครองรถยนต์อยู่ได้กรรมสิทธิ์ จึงไม่กระทบกระเทือนสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายเพราะชอบที่จะฟ้องเรียกเอาคืนจากบริษัทนั้นได้ ทั้งก่อนจะคืนรถยนต์จำเลยที่ 2 ก็แจ้งให้ทราบล่วงหน้าแล้วว่า ถ้าโจทก์จะคัดค้านให้ฟ้องศาลภายใน 1 เดือนหากฟ้องแล้วจะเก็บรักษารถยนต์ไว้จนกว่าศาลจะชี้ขาดให้คืนแก่ฝ่ายใด แสดงว่า จำเลยที่ 2 สั่งการโดยใช้ความระมัดระวัง จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
โจทก์ฎีกาอ้างว่า จำเลยกับพวกซึ่งนายทะเบียนและผู้ช่วยนายทะเบียนยานพาหนะได้ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้คนร้ายเปลี่ยนแปลงทะเบียนแล้วโอนรถยนต์ของโจทก์ต่อไป ทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ แต่ปรากฏว่าข้อนี้โจทก์มิได้อุทธรณ์หรือโต้เถียงเป็นประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์ จึงเป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันไว้ในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า โจทก์ถูกคนร้ายลักรถยนต์หมายเลขทะเบียนก.ท.ฉ.3240 ต่อมาคนร้ายนำรถยนต์ดังกล่าวไปจดทะเบียนใช้ในจังหวัดนครสวรรค์จำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ในฐานะนายทะเบียนกับผู้ช่วยนายทะเบียนประจำจังหวัดนครสวรรค์ไม่ตรวจสอบทางทะเบียน กระทำโดยประมาทเลินเล่อหรือเจตนาทุจริตร่วมกับคนร้ายรับจดทะเบียนและทำทะเบียนรถยนต์ขึ้นใหม่เป็นชื่อของผู้อื่น แล้วทำการจดทะเบียนโอนรถยนต์ของโจทก์ให้บุคคลอื่นอีก 4 คน จนกระทั่งถึงบริษัทเชสแมนฮัตตันอินเวสต์เมนต์ จำกัด รับซื้อไว้ และให้ร้อยตำรวจตรีนิภพ อุดมเดช เช่าซื้อ ระหว่างที่รถยนต์ของโจทก์โอนทะเบียนมาเป็นของบริษัทดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดรถยนต์ได้ โจทก์ขอรับรถยนต์คืน แต่พนักงานสอบสวนอ้างว่ารถยนต์โอนกรรมสิทธิ์เป็นของบุคคลอื่นแล้วจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ช่วยอธิบดีปฏิบัติหน้าที่ราชการแทนอธิบดีกรมตำรวจได้มีคำสั่งชี้ขาดมอบรถยนต์ให้บริษัทเชสแมนฮัตตันอินเวสต์เมนต์ จำกัด โจทก์ไม่อาจเข้าครอบครองรถยนต์ได้ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าร่วมกันหรือแทนกันใช้ค่าเสียหายตามราคารถยนต์ของโจทก์ในท้องตลาดเป็นเงิน 72,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยทั้งห้าให้การว่า โจทก์อ้างว่าเป็นรถยนต์ของโจทก์ เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ตรวจสอบหลักฐานปรากฏว่า บริษัทดังกล่าวรับซื้อรถยนต์มาจากผู้ที่ควรซื้อโดยสุจริต จำเลยที่ 1 ที่ 2 สั่งให้เก็บรักษารถยนต์ไว้จนกว่าศาลจะชี้ขาดคืนให้ผู้ใด ถ้ารถยนต์ของกลางเป็นของโจทก์ก็ชอบที่จะเรียกคืนจากผู้ที่โต้แย้งสิทธิโจทก์ มิใช่ฟ้องเรียกร้องเอาเงินจากจำเลย และจำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยระเบียบของทางราชการโดยสุจริต คดีโจทก์ขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า รถยนต์ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จำเลยที่ 2 สั่งการแทนจำเลยที่ 1 ให้คืนรถยนต์แก่ผู้อื่นเป็นละเมิด ทำให้โจทก์เสียหายจำเลยที่ 1 ต้องรับผิด แต่จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว ส่วนจำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 พยานหลักฐานไม่พอฟังว่าปฏิบัติหน้าที่ด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่อกำหนดค่าเสียหายให้ 55,000 บาท ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน 55,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยที่ 1 ผู้เดียวอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า รถยนต์ของโจทก์ที่หายโอนเปลี่ยนมือจนถึงพ่อค้าที่ขายรถยนต์ใช้แล้วซึ่งได้รับอนุญาตจากกรมตำรวจ และขายต่อให้บริษัทเชสแมนฮัตตันอินเวสต์เมนต์ จำกัด โจทก์ยอมรับว่า การซื้อขายทุกรายทำกันโดยสุจริต เจ้าของต้องชดใช้ราคาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 การสั่งการของจำเลยที่ 2 ตามหน้าที่มิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อ จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิด พิพากษาแก้เป็นให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 เสียด้วย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อพิพาทในคดีนี้เป็นการวินิจฉัยมูลละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานเท่านั้น และสำหรับจำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ซึ่งตามฟ้องอ้างว่าเป็นเจ้าพนักงานในบังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่เป็นนายทะเบียนและผู้ช่วยนายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดนครสวรรค์ ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้คนร้ายเปลี่ยนแปลงทะเบียนแล้วโอนรถยนต์ของโจทก์ต่อไป ทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วว่า พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 โจทก์มิได้อุทธรณ์หรือโต้เถียงเป็นประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 กระทำละเมิด ปัญหาเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยเหล่านี้ จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังนั้น การที่โจทก์ยกเอาการกระทำของจำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 มาอ้างว่าปฏิบัติหน้าที่ทำให้เสียหายเป็นเหตุให้คนร้ายโอนรถยนต์ของโจทก์ต่อไป จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิด จึงเป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันไว้ในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

มีปัญหาจะต้องวินิจฉัยความรับผิดของจำเลยที่ 1 ชั้นฎีกาในผลแห่งการกระทำของจำเลยที่ 2 ซึ่งโจทก์ก็บรรยายมาในฟ้องว่าจำเลยที่ 2 มีคำสั่งมอบรถยนต์ของกลางให้บริษัทเชสแมนฮัตตันอินเวสต์เมนต์ จำกัด ทำให้โจทก์ไม่อาจเข้าครอบครองรถยนต์ได้ข้อเท็จจริงปรากฏว่าพนักงานสอบสวนได้ยึดรถยนต์จากความครอบครองของบริษัทดังกล่าวมาเป็นพยานหลักฐาน ย่อมกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 85 วรรคแรก, 131, 132(4) เมื่อจับคนร้ายไม่ได้ พนักงานสอบสวนไม่ประสงค์จะยึดไว้ต่อไป จำเลยที่ 2 มีคำสั่งเรื่องรถยนต์ที่ถูกยึดตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนให้คืนแก่บริษัทผู้ถูกยึดรถยนต์มาซึ่งอ้างได้กรรมสิทธิ์รถยนต์นั้นตามกฎหมายแล้ว เป็นการคืนโดยชอบไม่ผิดหน้าที่ การที่โจทก์เถียงกรรมสิทธิ์ว่ารถยนต์ยังเป็นของโจทก์ พนักงานสอบสวนควรจะคืนให้โจทก์นั้นในเรื่องนี้เป็นการวินิจฉัยกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ยึดมาเป็นพยานหลักฐานซึ่งโอนต่อ ๆ กันมาเป็นทอด ๆ จนถึงบริษัทเชสแมนฮัตตันอินเวสต์เมนต์ จำกัด ที่โจทก์ยอมรับว่าซื้อรถยนต์ไว้โดยสุจริต ไม่ใช่หน้าที่ของพนักงานสอบสวนจะต้องวินิจฉัยในกรณีนี้ และจำเลยที่ 2 มีคำสั่งไปเช่นนั้นไม่มีผลให้บริษัทผู้ครอบครองรถยนต์อยู่ได้กรรมสิทธิ์ จึงไม่กระทบกระเทือนสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย เพราะชอบจะฟ้องเรียกเอาคืนจากบริษัทนั้นได้ทั้งก่อนจะคืนรถยนต์จำเลยที่ 2 ก็แจ้งล่วงหน้าว่าถ้าโจทก์จะคัดค้านให้ฟ้อง ศาลภายใน 1 เดือนหากฟ้องแล้วจะเก็บรักษารถยนต์ไว้จนกว่าศาลจะชี้ขาดให้คืนแก่ฝ่ายใด คำสั่งของจำเลยที่ 2 แสดงว่าจำเลยที่ 2 สั่งการโดยใช้ความรอบคอบระมัดระวังอีกประการหนึ่งด้วย จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share