แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีนี้โจทย์ฟ้องกล่าวโทษจำเลยว่าเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2461 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยกับพวกที่จับตัวยังไม่ได้ ๆ สมคบกันใช้สาตราวุธแทงแลตีนายกวาง (ชาติจีน) ตายโดยเจตนาแลทำร้ายนายฮีชุน (ชาติจีน) โจทย์มีบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่ตำบลบ้านหวาย จังหวัดพระนคร ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา 249-250-60-256 ฯ
จำเลยให้การปฏิเสธข้อหา อ้างฐานที่อยู่ ฯ
ทางพิจารณาได้ความว่าเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ.2461 เวลาประมาณ 9 นาฬิกาหลังเที่ยงนายฮีชุนโจทย์กับนายกวางกลับจากเยี่ยมพี่ชายเดิรเข้าไปในตรอกโรงสีห้างสี่ตาตำบลบ้านทวายพอถึงน่าประตูรั้วบ้านนายไฮจุ๊บ (ชาติจีน) มีคนร้ายเข้าทำร้ายนายกวาง ๆ ร้องว่าช่วยด้วย ๆ นายฮีชุนโจทย์เปนพยานเบิกความว่าเวลานั้นพยานเหลียวไปดูเห็นจำเลยกำลังแทงนายกวางด้วยเหล็กแหลม ๆ นั้นทั้งตัวแลด้ามยาวประมาณ 1 วา นายกวางล้มลงพวกจำเลยอีกคนหนึ่งเอาเหล็กตีถูกสีสะนายกวางอีก 1 ที ในขณะนั้นพยานร้องให้คนช่วย แล้วพวกจำเลยได้เอาเหล็กแหลมแทงถูกน่าอกพยาน 1 ที แล้วจำเลยแทงซ้ำถูกชายโครงพยานอีก 1 ที พยานวิ่งหนีเข้าไปในโรงกุลี แลยังมีคำนายกิ๊ม นายเปงกีน นายเชาพยานโจทย์อีก 3 ปากเบิกความต้องกันว่า เมื่อได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วย พยานมองดูเห็นจำเลยแทงนายกวางล้มลง พวกจำเลยอีกคนหนึ่งเปนคนตีนายกวาง แล้วจำเลยกับพวกจึงได้หันไปแทงแลตีนายฮีชุนโจทย์ ครั้นนายฮีชุนโจทย์วิ่งหนีเข้าไปในโรงสีแล้ว จำเลยกลับมาเอาเท้ากระทืบที่ตัวนายกวางอีก 1 ทีฤา 2 ที แล้วจำเลยกับพวกจึงพากันเดิรออกจากตรอกนั้นไปตามถนนเจริญกรุง มีพวกจีน 3-4 คนพากันช่วยหามนายกวางเข้าไปในโรงสี ครั้นรุ่งขึ้นนายฮีชุนโจทย์ได้นำเหตุไปแจ้งต่อตำรวจนครบาล แลส่งตัวนายกวางไปรักษาบาดแผลอยู่ที่โรงพยาบาลกลางกรมศุขาภิบาล ครั้นวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ.2461 เวลาเที่ยงวันนายกวางขาดใจตายด้วยพิศม์บาดแผลที่ถูกกระทำร้ายนั้น อนึ่งบาดแผลนายกวาง นายฮีชุนโจทย์ที่ถูกกระทำร้ายปรากฎตามคำชันศูจน์ของแพทย์ได้มาเบิกความประกอบว่า นายกวางมีบาดแผล 3 แห่ง คือ 1 ที่หางคิ้วซ้ายผิวหนังขาดยาวครึ่งนิ้ว 2 แผลที่ชายโครงซ้ายยาว 2 กระเบียดครึ่ง กว้าง 1 กระเบียดลึกทะลุเข้าในช่องท้องถึงลำไส้ใหญ่ ๆ เปนแผลยาวครึ่งนิ้ว 3 ที่หลังมือซ้ายแผลหนังขาดพอโลหิตซับเปนแว่นยาวโค้ง 1 นิ้วครึ่งบาดแผลที่กระทำให้นายกวางถึงแก่ความตายนั้น คือ แผลที่ 2 เพราะถูกแทงทะลุถึงลำไส้ใหญ่ทำให้เยื่อร่างแหอักเสพโลหิตออกมามาก ส่วนนายฮีชุนโจทย์นั้นมีบาดแผล 4 แห่ง 1 ที่หลักซีกข้างขวาตอนเอวยาว 1 นิ้ว กว้าง 1 กระเบียดลึกชอนออกทางนอก 2 นิ้วครึ่ง 2 ที่เอวข้างขวายาว 2 กระเบียด กว้าง 1 กระเบียดลึก 1 นิ้ว 3 กระเบียด 3 ที่ริมนมข้างขวากว้าง 1 กระเบียด ยาว 2 กระเบียดลึกชอนลงใต้ผิวหนัง 1 นิ้ว ได้ความดังนี้ ศาลพระราชอาญาเห็นว่าพยานโจทย์เบิกความสมเหตุผล ทั้งในที่เกิดเหตุก็มีแสงตะเกียงแลไฟฟ้าส่องสว่างมิได้มืดมัว พยานเห็นเหตุการได้แจ่มแจ้งไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัย ฝ่ายพยานฐานที่ของจำเลยนั้นแสดงเหตุไม่สม ไม่มีน้ำหนักที่จะยกมาหักล้างคำพยานโจทย์ได้ จึงฟังว่าจำเลยกับพวกได้สมคบกันฆ่านายกวางตายโดยเจตนา แลทำร้ายนายฮีชุนโจทย์มีบาดเจ็บ แต่เหตุที่นายฮีชุนจะถูก ถูกกระทำร้ายนั้นเปนเพราะนายฮีชุนร้องให้คนช่วย ส่วนนายกวางที่ถูกฆ่าตายนั้นน่าจะเนื่องมาจากเหตุที่ไปเรี่ยรายไม่ได้เงิน เพราะเมื่อก่อนเกิดเหตุสัก 10 วัน จำเลยกับพวกได้ไปเรี่ยรายจะเอาเงินแก่นายกวาง นายฮีชุนคนละ 10 บาท เพื่อให้เข้าเปนพวกอั้งญี่ซึ่งมีนามว่าซาเตี้ยม นายกวาง นายฮีชุนไม่ยอมให้เงิน แล้วจำเลยยังกลับพูดว่าไม่ให้เงินเรี่ยรายแล้วอยู่เมืองไทเห็นจะลำบากจึงได้กระทำการประทุษฐร้ายหมายปลงชีวิตนายกวางให้ตกไป ทั้งเมื่อขณะที่จำเลยกลับจากไล่ทำร้ายนายฮีชุนแล้ว จำเลยยังกลับเตะแลกระทืบนายกวางซ้ำเปนเชิงเย้ยเยาะอีกดังนี้ จำเลยมีผิดตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา 249 ฐานฆ่านายกวางตายโดยเจตนามีกำหนด 20 ปีกะทง 1 แลฐานทำร้ายร่างกายนายฮีชุนโจทย์ตามมาตรา 254 มีกำหนด 2 ปีอีกกะทง 1 แต่ตามมาตรา 71 ท่านบัญญัติว่า เมื่อรวมโทษทุกกะทงเข้าแล้ว ถ้าจะต้องจำคุกอย่าให้จำเกินกว่า 20 ปีขึ้นไป จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยมีกำหดนเพียง 20 ปี นับแต่วันต้องขังเปนต้นไป ฯ
กรมอัยการโจทย์แลจำเลยอุทธรณ ศาลอุทธรณเห็นว่าข้อสาเหตุที่ศาลพระราชอาญาหยิบยกขึ้นกล่าวนั้น ถ้อยคำพยานโจทย์เบิกความโต้เถียงขัดกันเอง จะฟังเปนแน่นอนมิได้ ถ้าข้อสาเหตุเหล่านี้ฟังเปนจริงได้แล้ว ความผิดของจำเลยต้องเข้าอยู่ในบทมาตรา 250 ในที่สุดศาลอุทธรณเห็นว่าจำเลยมีผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามมาตรา 249 แต่ศาลพระราชอาญากำหดนโทษจำคุกจำเลยเพียง 20 ปีนั้นเบาไป ไม่สมกับความผิดที่จำเลยได้กระทำโดยกิริยาอันโหดร้าย จึงพิพากษาให้แก้คำตัดสินศาลพระราชอาญา ให้จำคุกจำเลยไว้จนตลอดชีวิต ให้ยกอุทธรณจำเลยเสีย ฯ
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกาเถียงข้อเท็จจริง ฯ
ข้าพระพุทธเจ้าได้ประชุมตรวจสำนวนเรื่องนี้ตลอดแล้วเห็นด้วยเกล้า ฯ ว่าถ้อยคำนายฮีชุน นายกิ้ม นายเปงกีน นายเชาพยานโจทย์ 4 ปากเบิกความประกอบกันยืนยันมั่นคงสมเหตุผล คดีมิได้เคลือบแคลงสงสัยฟังได้สนิธว่า จำเลยได้ฆ่านายกวางตายโดยเจตนา ซึ่งศาลอุทธรณวางโทษจำคุกจำเลยไว้จนตลอดชีวิตตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา 249 นั้นเปนผลดีแก่จำเลยอยู่แล้วฎีกาจำเลยไม่มีเหตุที่จะรอดพ้นพระราชอาญาได้ ขอพระราชทานพิพากษาคดียืนตามคำสัดสินศาลอุทธรณ แลให้ยกฎีกาจำเลยเสีย ฯ
ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวายสำเนาคำพิพากษาศาลพระราชอาญาศาลอุทธรณ แลฎีกาจำเลยทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท ฯ
การจะควรประการใดสุดแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
วันที่ 20 สิงหาคม พระพุทธศักราช 2463 แจ้งความมายัง พระยากฤติกานุกรณ์กิจ
ตามหนังสือกราบบังคมทูลพระกรุณานำคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257 – 258 / 2463 ลงวันที่ 27 กรกฎาคม ศกนี้ ปฤกษาโทษอ้ายไต้จิ้งฤาจิ้น (ชาติจีน) ผู้ร้ายฆ่านายกวางตาย กับทำร้ายนายฮีชุนบาดเจ็บสาหัส ที่ตำบลบ้านทวาย จังหวัดพระนคร ซึ่งกรรมการศาลฎีกาพิพากษาต้องกับศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกอ้ายไต้จิ้งฤาจิ้นตลอดชีวิตนั้น อนุญาตให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลฎีกา
ขอเดชะ
(ข้าพระพุทธเจ้าพระยาพิพากษาสัตยาธิปตัย – พระยานรเนติบัญชากิจ – พระยาศรีสังกร)
ศาลชั้นต้น –
ศาลอุทธรณ์ –